ผู้ปกครองนักเรียน แจ้งความจับเจ้าอาวาสวัดดัง อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น หลังใช้โรศัพท์มือถือแอบถ่ายคลิปใต้กระโปรงนักเรียนหญิง ม.4
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 วันที่ 10 ส.ค. 2563 ร.ต.อ.สุวิวัฒน์ นิติไกรสิทธิ์ รอง สว.สอบสวน สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า นายสมชาย (นามสมมุติ) ชาวบ้านชุมชนหนองตาไก้ 2 อายุ 48 ปี ผู้ปกครองของนางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับพระอธิการธนชัย (อาจารย์เล็ก) อายุ 48 ปี บวชมา 24 พรรษา เจ้าอาวาสวัดสามัคคีพัฒนาราม บ้านใหม่สามัคคี ต.ไชยสอ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น หลังนำโทรศัพท์มือถือแอบถ่ายคลิปใต้กระโปรงลูกสาวของตนในลักษณะอนาจาร พร้อมนำคลิปมามอบให้ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน จากการตรวจสอบในคลิป พบมีการใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายใต้กระโปรงของนักเรียนหญิงจริง
นายสมชาย (นามสมมุติ) ผู้ปกครองของนักเรียนหญิง กล่าวว่า ได้คลิปดังกล่าวมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานด้วย หลังจากนำโทรศัพท์มือถือของพระอาจารย์เล็กไปกู้ไฟล์ เนื่องจากคลิปถูกลบไปแล้ว โดยพบว่ามีการแอบถ่ายใต้กระโปรงลูกสาวจริง ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะลูกสาวพร้อมเพื่อนไปทำบุญให้อาหารปลาที่วัด ระหว่างนั้นพระอาจารย์มาเห็นจึงแนะนำวให้ไปขัดเทียน เขียนแผ่นจารึกในพระธาตุพนมชุมแพ ซึ่งมีลักษณะสูง และให้เพื่อนออกไปด้านนอก ก่อนแนะนำให้ยืนถ่างขา เมื่อลูกสาวทำตาม จากนั้นพระมายืนอยู่ด้านหลังตลอด ท่าทางมีพิรุธ ก่อนใช้โทรศัพท์มือถือสอดถ่ายคลิปใต้กระโปรง ลูกสาวสงสัยจึงกลับมาบอกผู้ปกครอง ตนจึงประสานตำรวจเข้าตรวจสอบ ก่อนพบว่ามีคลิปแอบถ่ายจริง ตนยืนยันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ไปทำพฤติกรรมแบบนี้กับใครอีก
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายเรียก เชิญตัวกับพระอธิการธนชัย (อาจารย์เล็ก) มาสอบสวนที่ สภ.ชุมแพ เบื้องต้นให้การยอมรับว่า ถ่ายคลิปจริง แต่ไม่มีเจตนาเพื่อการอนาจาร เพียงแต่ต้องการนำไปให้เพื่อนเขาดูว่าแต่งกายไม่เหมาะสม โดยหลังถ่ายคลิปเสร็จก็ไม่ได้เปิดดูแต่อย่างใด ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นความผิดอาญาตามกฎหมาย และการเห็นโคนขาก้นเด็กนักเรียนดังกล่าวถือเป็นการฝึกจิตว่าสามารถระงับกิเลสได้หรือไม่ หรือตนสามารถระงับได้ก่อนลบคลิปดังกล่าวทิ้งไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา กระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ก่อนนำตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดชุมแพ และเตรียมประสานเจ้าคณะอำเภอเพื่อหารือว่าการกระทำดังกล่าวสมควรให้ลาสิกขาจากการเป็นพระภิกษุสงฆ์หรือไม่
