เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) ในพื้นที่ ต.ฉลุง จ.สงขลา เปิดเผยถึงการก่อสร้างเสร็จแล้ว 100% เมื่อเดือน เม.ย.62 และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม คือกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ที่ทำสัญญาซื้อที่ดินแล้ว เพื่อดำเนินกิจการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยางพาราและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการจากไต้หวัน มาเลเซีย และผู้ประกอบการในประเทศไทย คาดว่าจะทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ประมาณ 7,000 อัตรา มูลค่าการลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ กนอ.จัดสรรพื้นที่รองรับในลักษณะอาคารโรงงานมาตรฐานเป็นการเฉพาะ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีโอกาสในการพัฒนาและเติบโตขึ้น และส่งเสริมให้เกิดการซื้อยางพาราที่สูงขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีลดต้นทุนในการสร้างโรงงานด้วยการเช่าพื้นที่โรงงานสำเร็จรูป
สำหรับนิคมอุตสาหกรรมยางพารา จ.สงขลา เน้นการเพิ่มอุปสงค์การใช้ยางพาราในภาคอุตสาหกรรม โดยมุ่งสนับสนุนการใช้น้ำยางพาราจากเกษตรกรในพื้นที่และในประเทศ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยางพาราขั้นกลางน้ำ และปลายน้ำ เช่น ยางคอมปาวด์ ยางแท่ง อุตสาหกรรมจากยางน้ำข้น ประเภทถุงมือยาง ยางฟองน้ำ ยางรถยนต์ และยังเพิ่มมูลค่ายางพารา โดยใช้นวัตกรรมในกระบวนการผลิต เพิ่มมูลค่าการผลิตสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ หากมีการใช้พื้นที่เต็มโครงการทั้งหมด คาดว่าความต้องการใช้ยางพาราจะเพิ่มขึ้นจากเดิม 30,000 ตันต่อปี เป็น 200,000 ตันต่อปี ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SMEs เข้ามาประกอบกิจการจำนวนมาก ในกิจการประเภทยางรองส้นเท้า รองเท้าแตะ กรวยยางจราจร จอกนาโน ที่รองแก้วน้ำ ถุงมือ หมอนยางพารา ยางคอมปาวด์ และผลิตภัณฑ์ยางพาราแปรรูป
รายงานข่าวระบุว่า โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) ที่มีการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งครบวงจร ระหว่าง อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา ที่มีจุดสิ้นสุดที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย ระยะทางประมาณ 70.43 กิโลเมตร จะช่วยเพิ่มศักยภาพระบบคมนาคมขนส่ง รองรับการค้า การลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ด้วย
