เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม นายทอน ใจดี ประธานเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ในจังหวัดพะเยามีหมู่บ้านและชุมชนที่มีการดูแลป่าชุมชน พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลจำนวน 135 แห่ง พื้นที่รวมกว่า 100,000 ไร่ ทั้งนี้ นอกจากป่าชุมชนจะมีความสำคัญเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ แหล่งอาหารที่มั่นคงและยั่งยืนของหมู่บ้านและชุมชนนั้นๆ แล้ว ยังเป็นธนาคารอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ตของคนท้องถิ่นด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือแหล่งสร้างรายได้อย่างมหาศาลทุกปี เพราะสิ่งที่ป่าให้มาทั้งต้นไม้ อาหารจากป่า เช่น เห็ดนานาชนิด หน่อไม้ ผึ้ง ต่อ พืชสมุนไพร เฉลี่ยป่าละไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
นายทอนกล่าวว่า สำหรับป่าชุมชนบ้านปี้ ต.เวียง อ.เชียงคำ มีนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมเข้ามาทำการศึกษาวิจัยเรื่องผลประโยชน์จากป่าด้านมูลค่าเศรษฐกิจ พบว่าในปีหนึ่ง ป่าชุมชนบ้านปี้สร้างรายได้ให้กับชุมชนประมาณ 4 ล้านบาท
“ดังนั้น ทุกป่าชุมชนถือเป็นคุณอนันต์กับหมู่บ้าน หรือชุมชนที่ดูแลอย่างมหาศาล ทำให้รู้ว่าคนรักษาป่าเกิดผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างไรบ้าง ความมั่นคงและยั่งยืนด้านอาหารมาจากระบบนิเวศที่สมบูรณ์ เพราะทุกคนช่วยกันรักษาป่า ไม่ให้มีการลักลอบตัดต้นไม้ ป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่าที่ทำลายระบบนิเวศ จึงส่งผลให้ป่ารักคนกลับคืน” นายทอนกล่าว
ด้าน ผศ.สหัทยา วิเศษ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต (มจร.วข.)พะเยา และนักวิชาการสิ่งแวดล้อมจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า จากการถอดบทเรียนเรื่องนิเวศบริการของป่าชุมชนบ้านปี้ ต.เวียง อ.เชียงคำ พบว่าในปีหนึ่งป่าชุมชนบ้านปี้ได้ให้บริการแก่ชุมชนเป็นมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท โดยในส่วนของความยั่งยืนด้านอาหารเป็นธนาคารอาหารจากป่า ไม่นับเรื่องของน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ไม้ล้มหมอนนอนไพรที่เป็นปุ๋ยบำรุงดินในป่าอีกมากมาย ซึ่งป่าชุมชนทุกแห่งคือธนาคารอาหารและฟองน้ำธรรมชาติที่ดูดซับน้ำ ทำให้เกิดระบบนิเวศที่สมบูรณ์ได้ตลอดเวลา