เด็กๆชนเผ่ามันนิ เข้าเรียนอนุบาลปีแรก ครูประจำชั้นชม ขยันเรียน ไม่เคยขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า ที่โรงเรียนบ้านเขาติง หมู่ที่ 5 ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง นายแมว ศรีลิพัง อายุประมาณ 30 ปี ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มมันนิ หรือซาไก บนเขาเทือกเขาบรรทัด อ.ปะเหลียน นำลูกหลานซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุตั้งแต่ 3-7 ขวบจำนวน 4 คน เข้าเรียนหนังสือในชั้นอนุบาล 2 เพื่อปรับพื้นฐานเบื้องต้น โดยนำลูกหลานเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านเขาติงเป็นปีแรก เพื่อให้อ่านออกเขียนได้ โดยเฉพาะเวลาเจ็บไข้ไม่สบาย เด็ก ๆ จะได้อ่านฉลากยาได้ รวมทั้งให้รู้จักการใช้เงินในการแลกเปลี่ยนสินค้า และการเซ็นเอกสารต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมาต้องใช้วิธีการพิมพ์ลายนิ้วมือโดยผ่านชาวบ้านในพื้นที่ แต่เมื่อความเจริญเข้ามาถึงหมู่บ้านมากขึ้น ชนเผามันนิจึงเห็นถึงความสำคัญของการศึกษา จึงยอมส่งลูกหลานมาเรียนหนังสืออย่างจริงจังเป็นปีแรก
โดยในปีที่แล้ว มีลูกหลานชนเผ่ามันนิมาเรียนหนังสือแล้ว แต่เรียนได้ไม่กี่วันก็ล้มเลิก ซึ่งในปีการศึกษานี้ เด็ก ๆ ทั้ง 4 คนได้มาโรงเรียนทุกวันไม่เคยขาดรวมกว่า 3 สัปดาห์แล้ว และตั้งใจเรียนเป็นอย่างดี สามารถเข้ากับเพื่อน ๆ ในโรงเรียนได้ นิสัยเรียบร้อย เริ่มเขียน ก.ไก่ ระบายสีตามลายเส้นและเขียนเลข 1 ได้ และหากเพื่อน ๆ คนไหนทำผิดก็จะไปบอกคุณครู จึงกลายเป็นที่รักของคุณครู และทำให้เด็ก ๆ มีกำลังใจมาเรียนหนังสือมากขึ้น แต่ยังห่วงช่วงหน้าฝนเด็ก ๆ จะขาดเรียนบ่อยขึ้น เนื่องจากมีฝนตกหนักบนภูเขา ทำให้มีน้ำป่าไหลหลากจนทำให้เส้นทางไปโรงเรียนถูกน้ำท่วม ซึ่งคุณครูได้เตรียมแผนการเรียนการสอนไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยมีภาคส่วนต่าง ๆ ร่วมบริจาคทุนทรัพย์เพื่อเป็นค่าชุดนักเรียน ชุดพละ รองเท้าและเครื่องนอนที่ยังขาดแคลน เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังให้กับผู้ปกครองและนักเรียนได้อีกทางหนึ่งด้วย
ด้านนายแมว ศรีลิพัง อายุประมาณ 30 ปีหัวหน้าชนเผ่ามันนิกลุ่มเขาน้ำเต้า อ.ปะเหลียน จ.ตรังกล่าวว่า ออกจากบ้านมาถึงโรงเรียนประมาณ 07.30 น.ทุกวัน เพื่อให้ลูกรู้จักการบวกลบ พอจะได้ช่วยเหลือตนยามแก่เฒ่า โดยเฉพาะเวลาไม่สบายลูกจะได้อ่านฉลากยาให้ได้
ขณะที่ น.ส นัยนา น้อยมุสิก คุณครูประจำชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนบ้านเขาติงกล่าวว่า เด็ก ๆ เข้ากับเพื่อนได้ดี จะเป็นเด็กที่เงียบมากแต่เวลาที่เพื่อน ๆ ทำผิดก็จะมาบอกคุณครู ซึ่งปีนี้มีนักเรียนชนเผ่าซาไกทั้งหมด 4 คน อายุตั้งแต่ 3-7 ปีซึ่งต้องเรียนชั้นอนุบาล 2 ทั้งหมดเพื่อปรับพื้นฐาน ซึ่งผู้ปกครองหวังให้อ่านออกเขียนได้ ใช้เงินเป็น และจะได้สื่อสารกับคนทั่วไปได้แบบเข้าใจความหมายภาษา
