นักวิชาการด้านกฎหมาย ม.แม่ฟ้าหลวง ชี้ รุ่นพี่รอดแน่ กรณีลงโทษรุ่นน้องวิ่งช็อกเสียชีวิต

กรณีการเสียชีวิตของนางสาวพรพิพัฒน์ เอียดดำ หรือน้องมิ้นท์ นักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต หลังถูกรุ่นพี่สั่งลงโทษให้วิ่งบริเวณลานจอดรถหน้าอาคารเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ภายในมหาวิทยาลัยฯ จนเกิดอาการช็อกหมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

(อ่านข่าว ตร.ภูเก็ตออกหมายเรียกรุ่นพี่ รับทราบข้อกล่าวหา หลังสั่งลงโทษรุ่นน้องวิ่งช็อกเสียชีวิต)

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. เพจเฟซบุ๊ก Thanathorn Thakhamfoo ของ นายธนาธร ทาคำฟู นักวิชาการด้านกฎหมาย ม.แม่ฟ้าหลวง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า

ต้องขอแสดงความเสียใจต่อทางครอบครัวของน้องอีกครั้ง ในเรื่องนี้จะมีบุคคลที่ต้องรับผิดทางอาญาหรือไม่จะต้องพิจารณาดังนี้ ความรับผิดในทางอาญา (ถ้าหากมี) ในกรณีนี้ ต้องพิจารณาว่าบุคคลใดที่เกี่ยวข้องได่ 1.มีการกระทำโดยเจตนาโดยทำการประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจแล้วเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือไม่ หรือ 2.มีการกระทำการโดยประมาทและผลการความประมาทนั้นเป็นผลโดยตรงที่ทำให้น้องเสียชีวิตหรือไม่

Advertisement

1.ในวันเกิดเหตุมีการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ซึ่งเป็นกิจกรรมของรุ่นพี่รุ่นน้อง รุ่นพี่ไม่ได้กระทำการใดที่มีลักษณะบังคับหรือใช้กำลังข่มขืนใจรุ่นน้องให้ต้องรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ แต่เป็นการกำหนดบทลงโทษของรุ่นพี่ต่อรุ่นน้องที่จะต้องทำหากการซ้อมไม่เป็นระเบียบที่ตั้งไว้เท่านั้น การให้รุ่นน้องปฏิบัติตามบทลงโทษที่ตั้งขึ้นมาในแต่ละรูปแบบไม่ได้มีความรุนแรงจนอาจถึงอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจจนเกินไป โดยรุ่นน้องที่ไม่สามารถปฏิบัติตามได้มีสิทธิที่จะเลิกการปฏิบัติตามบทลงโทษได้กลางคัน หรือแจ้งให้รุ่นพี่ทราบได้หากทำต่อไม่ไหวได้ การที่รุ่นพี่ได้ลงโทษรุ่นน้องในกรณีนี้จึงขาดเจตนาประทุษร้ายต่อร่างกายหรือจิตใจน้องตามความหมายของ ป.อาญา รุ่นพี่จึงไม่ต้องรับผิดในความตายที่เกิดขึ้นในฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

2.การที่รุ่นพี่ให้รุ่นน้องวิ่งรอบสระน้ำ ซึ่งไม่เป็นการทรมานหรืออาจเกิดอันตรายจนเกินปกติแก่ผู้วิ่ง ในวันเกิดเหตุมีรุ่นน้องอีกหลายคนที่ถูกรุ่นพี่สั่งให้วิ่งพร้อมกัน แต่มีเหตุแทรกแซงที่เกิดขึ้นกับน้องมิ้นท์เพียงคนเดียวที่หัวใจล้มเหลวจากการวิ่งในรอบท้ายๆ และถึงแก่ความตาย การที่รุ่นพี่สั่งให้รุ่นน้องวิ่งรอบสระน้ำ มีลักษณะเป็นแค่การสร้างความสามัคคีระหว่างรุ่นน้องและทำให้ร่างกายเกิดความพร้อมสำหรับซ้อมเชียร์ ถือเป็นกิจกรรมที่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยพึงกระทำได้

ไม่ถือว่าการกระทำของรุ่นพี่ปราศจากความระมัดระวังที่จะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ อันจะเป็นการกระทำโดยประมาท น้องมิ้นท์มีวุฒิภาวะพอที่จะสามารถเลิกการปฏิบัติตามกิจกรรมหากพบว่าตัวเองไม่สามารถทำได้เช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่น การที่น้องมิ้นท์ได้ฝืนวิ่งต่อไปจนทำให้กลไกในร่างกายมีความผิดปกติเกิดจากการตัดสินใจของน้องมิ้นท์เอง แม้จะมีการส่งเสียงปลุกเร้าให้น้องมิ้นวิ่งให้ครบรอบของรุ่นพี่ การกระทำของรุ่นพีดังกล่าวก็ยังไม่ใช่การกระทำโดยประมาทดังที่กล่าวไว้ข้างต้น ความตายของน้องมิ้นท์ที่ได้เกิดขึ้น เป็นเหตุสุดวิสัย รุ่นพี่จึงไม่มีความรับผิดในทางอาญาฐานกระทำโดยประมาทเช่นกัน อย่างไรก็ตามอยากให้สถาบันอุดมศึกษาให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมที่อาจเสี่ยงให้ผู้เข้าร่วมได้รับอันตราย อยากให้เป็นเคสสุดท้าย

Advertisement

หมายเหตุ – แต่หากข้อเท็จจริงที่ได้จากการสอบพยานมีข้อเท็จจริงถึงขนาดว่าน้องมิ้นท์ได้ขอเลิกการวิ่งกลางคันและแจ้งให้รุ่นพี่ทราบแล้วว่าวิ่งไม่ไหว แต่รุ่นพี่ยังบังคับให้วิ่งต่อจนครบรอบ เช่นนี้ จะถือว่ารุ่นพี่ปราศจากความระมัดระวังฯ เมื่อมีความตายเกิดขึ้น ต้องรับผิดทางอาญาฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image