หญิงสระแก้ว ทิ้งฝันธุรกิจน้ำมัน ‘ลุยเกษตรอินทรีย์-ตั้งศูนย์ดูแลเด็ก’ ยึดหลักพอเพียง เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน

หญิงสระแก้ว ทิ้งฝันธุรกิจน้ำมัน
ลุยเกษตรอินทรีย์-ตั้งศูนย์ดูแลเด็ก
ยึดหลักพอเพียง เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน

หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทรุดติดต่อกันหลายปี เป็นเหตุให้โรงงานและบริษัทหลายแห่งต้องปิดตัวเอง และหลายคนหันมาพึ่งเศรษฐกิจแบบพอเพียง เดินตามรอยพ่อทำเกษตรอินทรีย์ใช้ชีวิตตามแบบวิถีชาวบ้าน สร้างรายได้ สร้างรอยยิ้มให้กับครอบครัวอย่างมีความสุขและอย่างยั่งยืน

“พรพันธุ์ หรือครูปุ๊ พุทธเจริญ” อดีตนักธุรกิจขายน้ำมันที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทรุดต้องขายกิจการเพื่อใช้หนี้และได้นำเงินส่วนหนึ่งจัดหาจัดซื้อที่ดินกว่า 40 ไร่ ที่บ้านไทยพัฒนา ตำบลทุ่งมหาเจริญ อำเภอวังน้ำเย็น จังหวัดสระแก้ว ทำเกษตรอินทรีย์เดินตามรอยพ่อ ในช่วงแรกๆ ได้ทำเกษตรเชิงเดี่ยว ปลูกมะยงชิด มะม่วง ลำไย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาจึงหันมาทำเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน โดยมีคุณพ่อคุณแม่มาดูแลสวน และได้นำเด็กพิเศษมาอยู่ด้วย พืชไม้ผลก็ได้ตัดทิ้งหมดและหันมาปลูกพืชผักสวนครัวเกษตรอินทรีย์

พรพันธุ์กล่าวว่า ก่อนที่จะทำเกษตรอินทรีย์ที่บ้านไทยพัฒนา มีเพื่อนทำโรงเรียนเด็กพิเศษที่จังหวัดปทุมธานีและได้ช่วยกันทำมาหลายปี ต่อมาได้มาซื้อที่ซื้อทางอยู่ที่ บ้านไทยพัฒนา ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จำนวน 40 ไร่ ได้ทำเกษตรเชิงเดี่ยว ต่อมาเพื่อนที่เคยทำโรงเรียนเด็กพิเศษที่จังหวัดปทุมธานี ได้แนะนำจัดทำโรงเรียนเด็กพิเศษ จึงตั้งเป็นศูนย์การเรียนบ้านไร่ชมจันทร์ บ้านเลขที่ 205 หมู่ 13 บ้านไทยพัฒนา ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว โดยเห็นว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ปกครองที่ต้องดูแลเด็กออทิสติกหรือเด็กพิเศษ เป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองอีกทางหนึ่งที่ศูนย์การเรียนบ้านไร่ชมจันทร์ เริ่มแรกมีนักเรียน 4 คน ปัจจุบันมีนักเรียน 30 คน มีครูพี่เลี้ยง 15 คน ดูแลเด็ก 2 คนต่อครู 1 คน เปิดสอนตั้งแต่ ชั้น ป.1 ถึง ม.3 นอกจากเรียนตามปกติแล้ว ยังได้มีการฝึกอาชีพให้กับเด็กพิเศษ เช่น เลี้ยงไก่ เพาะเห็ด ปลูกพืชผักสวนครัว เกษตรอินทรีย์ และได้ทำการอาชาบำบัดเพื่อเป็นการพัฒนาทางด้านร่างกายและวุฒิภาวะให้กับเด็ก เดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 2 วัน ในวันเสาร์-อาทิตย์อีกด้วย“ก่อนนี้เป็นครูอยู่ที่ปทุมตั้งใจจะมาอยู่ที่บ้านที่วังน้ำเย็น และก็มีเด็กส่วนหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์เดิมขอมาอยู่ด้วย เพื่อจะมาเรียนรู้วิถีธรรมชาติ เมื่อเด็กที่มาอยู่ที่นี่จากเด็กที่ก้าวร้าว จากเด็กที่เคยใช้ยาอารมณ์รุนแรง ก็มาใช้วิถีธรรมชาติบำบัด เขาก็รู้สึกดีขึ้นยาไม่ต้องใช้ อารมณ์รุนแรงก็เริ่มลดลงยอมรับการเปลี่ยนแปลงรู้จักทำอะไรก่อนทำอะไรหลังตามลำดับ เด็กเขาก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้มีทั้งทำนา ปลูกข้าวกินเอง ปลูกผักกินเอง เลี้ยงไก่ เพาะเห็ด ช่วงเวลากลางวันก็เรียนหนังสือก็เลยรู้สึกว่าเด็กทำได้ดี เด็กสามารถพัฒนาได้ดีเลยมีเด็กมาเรียนทั้งในจังหวัดสระแก้วและต่างจังหวัด เริ่มแรกมีนักเรียน 4 คน ตอนนี้มีนักเรียน 30 คน เปิดสอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขึ้นกับเขตพื้นที่การศึกษาสระแก้ว เขต 1 และมีการใช้อาชาบำบัด เด็กจะมีการทรงตัวได้ดีสมาธิดีขึ้น จากเด็กที่นั่งไม่ได้เขาก็สามารถนั่งได้ พฤติกรรมเด็กก็เปลี่ยน ตอนนี้เด็กของเราที่เคยกินยา 100% ตอนนี้เหลือไม่ถึง 50% ตอนนี้ยาที่จำเป็นจริงๆ คือยากันชัก ยาจิตเวชเหลือน้อยมากแล้ว บางคนก็เลิกยาไปได้เลยไม่ต้องใช้ จะเน้นไปในเรื่องการออกกำลังกาย เพื่อให้เด็กได้ใช้พลังงานและนอนหลับได้โดยไม่ต้องใช้ยา ที่นี่ถ้าจะรับนักเรียนจริงๆ ได้ถึง 50 คน แต่ตั้งใจรับแค่ 35 คน เพราะเรื่องของการดูแล เพราะคุณครูที่ดูแลต้องอยู่ที่ศูนย์ฯ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด เสาร์อาทิตย์ต้องอยู่ เพราะเด็กเป็นเด็กต่างจังหวัดไกลๆ เช่น ภูเก็ต สกลนคร พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี กรุงเทพฯ ถ้าเด็กอยู่ในโซนกรุงเทพฯ จะไปส่งเดือนละครั้ง ไปส่งวันศุกร์ วันอาทิตย์ก็จะรับเด็กกลับ ปีที่แล้วมีเด็ก 3 คน ที่สามารถออกไปเรียนกับเด็กโรงเรียนอื่นได้ มีไปเรียนที่สารพัดช่าง อีกคนไปเรียนที่กรุงเทพฯ และอีกคนหนึ่งไปเรียนที่ลพบุรี”

พรพันธุ์ นับเป็นหญิงแกร่งที่ต่อสู้ชีวิตจากนักธุรกิจขายน้ำมันที่เคยรุ่งมาแล้ว ต่อมาธุรกิจล่มสลายต้องหันเหชีวิตมาทำการเกษตรดำเนินชีวิตตามรอยพ่อกระทั่งมาเปิดศูนย์การเรียนบ้านไร่ชมจันทร์ เพื่อดูแลเด็กพิเศษ เป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครองอีกด้วย

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image