เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 ที่ ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับสถานบริการในเขตพื้นที่รับผิดชอบสภ.เมืองพัทยา เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หลังมีการคลายล็อกเฟส 5 โดยมี พ.ต.ท.นิทัศน์ แหวนประดับ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา ร่วมมอบนโยบายแก่และแนวทางปฏิบัติให้ผู้ประกอบการ ทั้ง 130 แห่งที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน
ในการประชุม มีการสร้างความเข้าใจ เรื่องแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการคลายล็อกเฟส 5 ในกิจการความเสี่ยงสูงของคณะกรรมการ ศบค.หลังคลายล็อกไปตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา รวม 21 มาตรการ อาทิ 1.ให้สถานประกอบการให้บริการได้ไม่เกิน 24.00น. ทุกกรณี 2.เว้นระยะยืน นั่ง 1 เมตร จำกัดผู้ใช้บริการตามขนาดพื้นที่มากกว่า 4 ตารางเมตรต่อคน และห้ามร่วมโต๊ะกับกลุ่มอื่น 3. พนักงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้าตลอดเวลา จัดจุดบริการล้างมือเพียงพอ 4.ทำความสะอาดสุขา พื้นผิวสัมผัสร่วมบ่อย ๆ และไมโครโฟน 5.จัดเว้นระยะห่างโต๊ะ 2 เมตร และหากไม่มีฉากกั่นสูงมากกว่า 1.5 เมตร ต้องมีระบบระบายอาการ 6.คัดกรองอายุ อุณหภูมิ อาการทางเดินหายใจ และให้ผู้มาใช้บริการทุกคนต้องลงทะเบียน เข้าออกสถานที่ ผ่านแอพ “ไทยชนะ” เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และให้การดำเนินธุรกิจของสถานประกอบการสามารถเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมืองพัทยาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการสถานบริการปฏิบัติตามกฎหมายไม่ให้ในสถานประกอบการมีเรื่องของยาเสพติด การพกพาอาวุธ และการอนุญาตให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีใช้บริการ
พ.ต.อ.เขมรินทร์ กล่าวว่า การประชุมสร้างความเข้าให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงในเขตพื้นที่รับผิดชอบได้ปฏิบัติแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดเชื่อไวรัสโควิด-19 ของศบค.อย่างเคร่งครัด หลังมีการผ่อนปรนมาเป็นระยะๆจนถึงระยที่ 6 แม้ในพัทยา และประเทศไทยจะไม่พบผู้ติดเชื้อต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่สถานการณ์ในประเทศต่าง ๆรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของไทยพบแพร่ระบาดที่น่าเป็นห่วง สภ.พัทยาเล็งเห็นความสำคัญของสถานการณ์ดังกล่าวจึงจัดประชุมสร้างความเข้าใจให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงในเขตพื้นที่รับผิด ได้รับรู้แนวทางการปฏิบัติและกระตุ้นเตือนเน้นย้ำไม่ให้การ์ดตก ด้วยพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการคาดหวังจะให้การท่องเที่ยวกลับมาดังเดิมโดยเร็ว การประกอบกิจการยิ่งต้องให้ความร่วมมือกับแนวทางมาตรการของรัฐบาลที่กำหนดไว้
“ที่ผ่านมาหลังคลายล็อกมาได้ 2 เดือน ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับแนวทางที่ภาครัฐกำหนด แต่ยังไม่ถึงกับ 100 % ยังพบบางสถานประกอบการการ์ดตก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ว่ากล่าวตักเตือน และลงโทษจากหนักไปหาเบา ภายใต้พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อของจังหวัดชลบุรี ในการแจ้งให้ผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการหยุดประกอบกิจการ เพื่อให้ผู้ประกอบการกลับไปปรับปรุงแก้ไข หากมีการตักเตือนแล้ว ยังไม่ปฏิบัติตามก็จะดำเนินตามมาตรการของกฎหมาย ทั้งโทษฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท และโทษความผิด พรบ.ควบคุมโรค ซึ่งมีโทษ จำคุก 1 ปี ปรับ 100,000 บาท”
