จ่อรื้อโครงการท่าเรือร้างคลองวาฬ ใช้งบ 429 ล้านสร้างเสร็จนาน 14 ปี ไม่มีหน่วยงานรัฐบริหาร

เมื่อวันที่ 8 กันยายน นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นทะเลกัดเซาะชายฝั่งและการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลอย่างเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ได้นำคณะทำงานลงพื้นที่เก็บข้อมูลและติดตามปัญหาคลื่นทะเลกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่หลายอำเภอของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากมีที่ผ่านมีการทำโครงการเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ทำให้มีผลกระทบกับสภาพสิ่งแวดล้อมชายหาด มีผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายต่อเนื่อง

“นอกจากนั้นพบว่าบางโครงการ มีการใช้งบประมาณจากหน่วยงานในส่วนกลาง แต่ปัจจุบันไม่สามารถดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ตามแผนงาน ทำให้คลื่นทะเลมีการกัดเซาะชายฝั่งเพิ่มขึ้น ในจุดที่ไม่มีการก่อสร้าง บางโครงการสร้างเสร็จไม่นาน แต่พบว่าเขื่อนกันคลื่นมีสภาพชำรุดทรุดโทรม ซึ่งจะขอให้นักวิชาการจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชี้แจงสภาพปัญหา รวมทั้งนักวิชาการอิสระจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงร่วมให้ความเห็น หลังจากมีข้อยกเว้นให้ก่อนการก่อสร้างไม่ต้องทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอ ขณะที่หน่วยงานในสังกัดกรมโยธาธิการและผังเมือง จะต้องชี้แจงข้อเท็จจริงและร่วมศึกษาผลกระทบเพื่อหาทางแก้ไขให้การใช้งบประมาณมีความคุ้มค่าโดยด่วน “นายวิชิต กล่าว

นายวิชิต กล่าวอีกว่า เป้าหมายของอนุกรรมาธิการฯ จะตรวจสอบโครงการท่าเรือร่องน้ำคลองวาฬ อ.เมือง ฯ มูลค่า 429 ล้านของกรมเจ้าท่า หลังจากสร้างเสร็จในปี 2549 ถึงปัจจุบันนาน 14 ปี พบว่าไม่มีองค์กรใดรับเป็นเจ้าภาพในการบริหารจัดการ ปล่อยทิ้งให้สิ่งปลูกสร้างชำรุด และหลังจากก่อสร้างเสร็จทำให้มีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในเขตเทศบาลตำบลคลองวาฬอย่างรุนแรง และมีตะกอนทรายไปทับถมเพิ่มในบางจุด จากนั้นอนุกรรมาธิการฯจะตรวจสอบการสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งใช้งบ 60 ล้านบาทจากกรมเจ้าท่า ที่หมู่ 2 บ้านทุ่งประดู่ ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก ปัจจุบันพบว่าผู้รับเหมาเดิมทิ้งงาน 2 ปี ล่าสุดไม่มีการจัดสรรงบเพื่อก่อสร้างให้เสร็จตามเป้าหมาย โดยชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนให้กรมเจ้าท่าเร่งรัดแก้ไขปัญหาก่อนถึงหน้ามรสุมเพื่อป้องกันบ้านเรือนเสียหายเพิ่ม

“สำหรับการสร้างเขื่อนกันคลื่นที่หมู่ 2 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง กรมโยธาธิการฯใช้งบ 67 ล้านบาท สร้างเขื่อนริมหาด แต่ถูกศาลปกครองจังหวัดเพชรบุรีสั่งระงับการก่อสร้างชั่วคราวนานกว่า 2 ปี โดยก่อนหกน้านี้กรมทรัยพากรทางทะเลและชายฝั่งระบุในการรับฟังความเห็นยืนยันว่าจุดดังกล่าวไม่เคยมีปัญหาการกัดเซาะ ส่วนการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นในเขตเทศบาล ใช้งบจากกรมโยธามากกว่า 100 ล้านบาทพบว่าบางจุดได้รับความเสียหายและก่อนก่อสร้างไม่ได้ส่งโครงการให้สภาเทศบาลเมืองประจวบฯให้ความเห็นชอบและเมื่อสร้างเสร็จแล้วไม่ได้มอบให้เทศบาลดูแล ทำให้ปัจจุบันต้องรองบซ่อมจากหน่วยงานในส่วนกลาง” นายวิชิต กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image