ผู้ว่าฯเคลียร์ใจข้อพิพาท นักฟุตบอล รร.พันท้ายนรสิงห์ อะคาเดมี่ ชี้ทุกฝ่ายต้องลดอคติ

ผู้ว่าฯ เคลียร์ใจข้อพิพาท นักฟุตบอล รร.พันท้ายนรสิงห์ ชี้ทุกฝ่ายต้องลดอคติ ใช้สายตาแห่งมิตรภาพแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 9 กันยายน นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการ จ.สมุทรสาคร (วาระพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาโรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา) โดยมีนายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนจากกรมพลศึกษา ประธาน MJ อะคาเดมี่ ผู้อำนวยการโรงเรียนพันท้ายนรสิงห์ และตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน ที่เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อหาข้อยุติปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างนางกรองแก้ว พูลเพิ่มพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา กับ MJ อะคาเดมี่ นักเรียนโครงการฟุตบอลสู่ความเป็นเลิศ โรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา และผู้ปกครอง ตลอดจนยังเพื่อรับฟังและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การส่งเสริมให้โรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา เป็นโรงเรียนกีฬาในสังกัดของกรมพลศึกษา เป็นต้น ซึ่งในการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมแบบไม่เปิดเผย (ลับ) จึงไม่อนุญาตให้ทางสื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพขณะทำการประชุม โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้นลง

นายวีระศักดิ์  กล่าวว่า อย่างที่ทุกคนได้รับทราบถึงปัญหาที่เคยเกิดขึ้นที่โรงเรียนพันท้ายนรสิงห์วิทยา เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ต่อมาในวันนี้ผู้ว่าฯ ก็ได้เรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาหารือในแนวทางการแก้ไขร่วมกัน เพราะต้องการให้มีทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย และต้องการให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ปล่อยวางอคติลง แล้วมองกันด้วยสายตาแห่งมิตรภาพ มีไมตรีที่ดีต่อกัน แล้วการพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหาจึงจะเดินหน้าต่อไปได้ด้วยสันติวิธี ซึ่งการประชุมในครั้งนี้ก็เป็นไปได้ด้วยดี แม้อาจจะมีการถกเถียงกันบ้างในบางมุมมองที่เห็นแตกต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายเดียวกันคือเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์กับนักเรียนมากที่สุด แต่สุดท้ายทุกอย่างก็จบลงได้ด้วยดีแม้จะไม่สมบูรณ์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตามที โดยระยะสั้น เรื่องแรกเป็นเรื่องของที่พัก ให้ทางอะคาเดมี่และเจ้าหน้าที่ๆ เกี่ยวข้อง ไปตรวจดูเรื่องของความมีวินัยในการป้องกันด้านสาธารณสุขของนักเรียนที่พักอาศัยอยู่ในโรงเรียนพันท้ายนรสิงห์ว่ามีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าดีอยู่แล้วก็ให้เพิ่มมาตรการให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปสู่ข้อที่ 2 คือ การเพิ่มปริมาณคนพักข้างในโรงเรียนจาก 50 คน เป็น 100 คน ถ้าทำได้ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระได้อีกระดับหนึ่ง โดยให้นักกีฬา ม.ต้น 100 คน อยู่ในโรงเรียน ส่วนนักกีฬา ม.ปลาย ซึ่งเป็นรุ่นพี่อีกประมาณ 100 คน ก็ให้พรรคอยู่ข้างนอกโรงเรียน ทำให้ง่ายต่อการดูแลความเป็นอยู่และความปลอดภัยของนักเรียนด้วย ซึ่งได้มอบหมายให้รองผู้ว่าฯ สุรศักดิ์ ผลยังส่ง เป็นหัวหน้าชุดในการตรวจสอบร่วมกับทาง สพม.เขต 10 เพื่อประเมินสถานศึกษา ร่วมกับทางสาธารณสุขจังหวัดโดยคาดว่าน่าจะเป็นไปในทางที่ดี

“ส่วนมาตรการระยะยาวก็จะเป็นเรื่องของการจัดสถานที่ฝึกซ้อม โดยให้ไปดูสถานที่เพิ่มเติมเพื่อจะขยายขอบเขตของการทำที่พักนักกีฬา วิธีฝึกซ้อม และเพิ่มเติมส่วนต่างๆ ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์จากเขตพื้นที่การศึกษาฯ ในการเป็นผู้ประสานงานกับสถานศึกษาอื่นๆ ที่มีพื้นที่เพียงพอ และถ้าได้สถานที่เหมาะสมแล้ว ทางกรมพลศึกษา ก็ยินดีที่จะสนับสนุนในเรื่องเกี่ยวกับการจัดสร้างสนามกีฬาเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกับการฝึกซ้อมที่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังจะนำไปสู่ความร่วมมือในอนาคตของโรงเรียนพันท้ายนรสิงห์กับทางอะคาเดมี่ ซึ่งถ้าเราสามารถหาสถานที่เพิ่มเติมได้ ความร่วมมือก็จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงอนาคตทีมฟุตบอลในระยะยาวของโรงเรียนพันท้ายนรสิงห์ด้วย”

นายวีระศักดิ์  กล่าวถึงการประท้วงที่เกิดขึ้นมาเมื่อหลายวันก่อนนั้น ในส่วนตัวของผู้ว่าฯ มองว่า ความเห็นที่แตกต่างคือ ความงดงามของระบอบประชาธิปไตย โดยในวันดังกล่าวมีนักเรียน 2 กลุ่ม ทั้งที่อยู่ฝ่ายอะคาเดมี่ และฝ่ายที่เรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน แต่ทั้งสองฝ่ายไม่ออกมาปะทะ หรือทะเลาะวิวาทกัน จึงทำให้เหตุการณ์ผ่านไปอย่างสงบ เพราะทุกความขัดแย้งที่เกิดขึ้น สามารถจบลงได้ด้วยการพูดจาหันหน้าเข้าหากัน

Advertisement

นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ได้มีการพูดคุยกันจนเป็นที่เข้าใจเคลียร์ทุกปัญหาแล้ว อย่างเช่นเรื่องของการขอใช้รถก็ใช้ได้แล้ว ซึ่งแต่เดิมทางผู้บริหารมองในเรื่องความปลอดภัยของเด็กเพียงอย่างเดียว จนอาจจะมองข้ามในเรื่องความฉุกละหุกกะทันหันไป ซึ่งขณะนี้ก็ได้ดำเนินการเอากลับมารับนักเรียนแล้ว ส่วนเรื่องของการผลักดันให้เป็นโรงเรียนกีฬา ในความดูแลของกรมพลศึกษานั้น เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลย เพราะโรงเรียนกีฬาในส่วนของกรมพลศึกษา ปัจจุบันถูกจำกัดด้วยงบประมาณ และการเติบโตซึ่งที่มีอยู่ก็เพียงพอแล้ว แต่ก็ยังสามารถสนับสนุนให้เป็นโรงเรียนส่งเสริมความสามารถทางด้านกีฬาได้ ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ หรือให้เป็นโรงเรียนภายใต้สังกัดของท้องถิ่น ซึ่งก็จะทำให้การดำเนินงานของ อะคาเดมี่ ในการพัฒนาฟุตบอลทำได้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น แล้วก็จะทำให้ลูกหลานของเรามีโอกาสประสบความสำเร็จในเวทีระดับชาติง่ายขึ้น

สุดท้ายเรื่องของการขอให้ย้าย ผอ.โรงเรียนฯ ออกนอกพื้นที่นั้น เป็นสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงในที่ประชุมครั้งนี้ เพราะความตั้งใจคือต้องการให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันและพูดคุยกันให้เข้าใจ เพื่อแสวงหาความร่วมมือกันในการแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งทางฝ่ายอะคาเดมี่ ก็เข้าใจแต่อาจจะมีผู้ปกครองบางท่านยังไม่เข้าใจ ทั้งนี้ก็ต้องให้ทางอะคาเดมี่ไปทำความเข้าใจกับผู้ปกครองนักเรียนทุกคนว่า วันนี้เราจะไม่มองกลับไปข้างหลังไม่เอาความไม่พอใจที่เคยเกิดขึ้นมาถกเถียงกันอีกแล้ว แต่เราจะมองไปข้างหน้าเพื่อลูกหลานและนักเรียน ทุกคนต้องยอมถอยคนละครึ่งก้าว หันมามองในเจตนาที่ดีของ อะคาเดมี่ พร้อมกับมองในเจตนาที่ของโรงเรียนด้วย มองกันด้วยสายตาแบบไม่มีอคติเข้าหากัน เอาสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำอีก แล้วปัญหาทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย ซึ่งบรรยากาศก็ต้องเรียกได้ว่าผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ผอ.โรงเรียนพันท้ายฯชี้แจงแล้วกรณีโดนเด็กฟุตบอล 200 คนขับไล่ (คลิป)

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image