จนท.เร่งเคลียร์พื้นที่น้ำป่าไหลหลากเป็นวันที่ 3 พบยังมีเศษไม้ดินโคลน-ชาวบ้านขาดแคลนเครื่องใช้

เมื่อวันที่ 10 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเชียงราย ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลแม่ยาว และกลุ่มชาวบ้านอาดี่ ซึ่งเป็นบ้านบริเวณของบ้านพนาสวรรค์ หมู่ที่ 13 ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ยังคงช่วยกันนำเครื่องจักรประเภทรถไถและรถแบ๊กโฮ ตลอดจนกำลังคนเข้าไปทำการพื้นฟูสภาพพื้นของหมู่บ้าน ภายหลังพบว่าวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้วหลังถูกน้ำป่าจากเทือกไหลหลากผ่านหมู่บ้านจนทำให้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่การพื้นฟูเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากมีดินโคลนและเศษไม้มาทับถมภายในบ้านและบริเวณลานบ้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าอาจใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 วัน ถึงจะเคลียร์ให้ออกจากพื้นที่ได้ทั้งหมด

ขณะที่การช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยก็ยังคงมีภาคประชาชนและส่วนราชการหลายภาคส่วนนำสิ่งของอุปโภคบริโภคเข้าไปบริจาคให้กับชาวบ้านอย่างต่อเนื่องและเป็นจำนวนมาก ซึ่งพบว่าสิ่งของสำหรับการอุปโภคบริโภคนั้นค่อนข้างจะเพียงพอ ส่วนที่ชาวบ้านขาดแคลนและมีความต้องการคือสิ่งของประเภทเครื่องใช้ภายในครัวเรือน หรือข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น เนื่องจากมีหลายครอบครัวที่เครื่องใช้ในครัวเรือนหรือเครื่องใช้ส่วนตัวไหลไปกับน้ำหรือจมอยู่ใต้ดินโคลนทั้งหมด โดยหากผู้มีจิตศรัทธาต้องการช่วยเหลือนอกจากของกินก็สามารถบริจาคของใช้ได้ด้วย

นายพงษ์พันธ์ ต๊ะถา นายกเทศบาลตำบลแม่ยาว เปิดเผยว่า การฟื้นฟูค่อนข้างลำบากเนื่องจากถนนทางไปหมู่บ้านนั้นค่อนข้างลำบากฝนตกทำถนนเละ แต่ก็จะเร่งให้การช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด โดยเบื้องต้นจะมีการฟื้นฟูเศษไม้และดินโคลนออกให้หมดก่อน ส่วนบ้านที่เสียหายจะพิจารณาใช้งบประมาณของทางเทศบาลเข้าช่วยเลหือ โดยอาจช่วยตามกรอบสำหรับบ้านเสียงหายทั้งหลังประมาณ 33,000 บาท ส่วนบ้านที่เสียหายเล็กน้อยก็เบิกจ่ายตามความเสียหายจริง ซึ่งหากใครจะช่วยเหลือสามารถสมทบได้ โดยทางเทศบาลแม่ยาวเองได้มีการตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยขึ้นที่เทศบาลตำบลแม่ยาว ซึ่งอยู่ด้านล่างเพื่อสะดวกการบริจาคหรือประสานงาน โดยทางเทศบาลจะนำสิ่งของขึ้นไปส่งมอบให้กับผู้ประสบภัยอีกต่อหนึ่ง

นายพงษ์กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามในการสำรวจความเสียหายตัวเลขยังไม่นิ่งเนื่องจากชาวบ้านยังอยู่ในภาวะตกใจบางคนยังไม่ได้มาแจ้งข้อมูล แต่เบื้องต้นพบว่ามีบ้านเรือนในบ้านอาดี่ได้รับความเดือดร้อนประมาณ 90 หลังคาเรือน ประชากรประมาณ 419 คน มีบ้านเรือนพังเสียหายทั้งหลังจำนวน 4 หลัง โบสต์ 1 หลัง และมีบ้านเรือนเสียหายบางส่วนประมาณ 11 หลัง ซึ่งจะได้ให้การช่วยเหลือต่อไป ส่วนกรณีที่ทางจังหวัดให้พิจารณาเรื่องการโยกย้ายบ้านหลังที่เสี่ยงภัยไปอยุ่ในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20 หลังนั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการหารือกันต้องรอการฟื้นฟูสภาพหมู่บ้านโดยรวมให้แล้วเสร็จก่อนเพื่อให้ชาวบ้านได้อยู่อาศัยก่อน ถึงจะมีการพูดคุยหารือกันถึงเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่้ง

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image