สนช.จัดหลักสูตรฝึกอบรมเข้มการจัดการนวัตกรรม พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรม 5 จังหวัดชายแดนใต้ Deep South Innovation Business Coaching Program 2020
เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ห้องกลางชล ชั้น 8 โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานี สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จัดกิจกรรมสรุปโครงการ หลักสูตรฝึกอบรมการจัดการนวัตกรรม สำหรับพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ Deep South Innovation Business Coaching Program 2020
ภายในงานมีการจัดโต๊ะแถลงข่าวของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ร่วมกับจังหวัดปัตตานี ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) เทศบาลเมืองปัตตานี ธนาคาร SME BANK และ ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี ได้กล่าวถึงทิศทางความร่วมมือและการสนับสนุนการขับเคลื่อนนวัตกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งทางสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. นั้นได้มีการให้ทุนสนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ 2 ลักษณะ คือทุนสนับสนุนด้านนวัตกรรมทุน Open Innovation ซึ่งเป็นทุนเริ่มต้นให้กับผู้ประกอบการทั้ง Smart SMEs และ Startup มูลค่าสูงสุดสูงถึง 1,500,000 บาท และทุนนวัตกรรมมุ่งเป้า (Thematic Innovation) เป็นทุนสำหรับพัฒนาโครงการที่มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศและยกระดับความสามารถทางนวัตกรรมในระดับอุตสาหกรรมนำไปสู่ การปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ ธุรกิจนวัตกรรมดูแลสุขภาพ, ธุรกิจอาหารและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ และธุรกิจนวัตกรรมการบริการทางการแพทย์การดำเนินงานดังกล่าวเป็นผลจากความร่วมมือระหว่าง สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.), ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ นับตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยการจัดกิจกรรมในปี 2563 ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีองค์ความรู้ความสามารถด้านธุรกิจนวัตกรรม จนกระทั่งสามารถพัฒนาเป็นข้อเสนอโครงการนวัตกรรมและได้รับการสนับสนุนจาก สนช.เป็นจำนวนทั้งสิ้น 21 โครงการ
ทั้งนี้ สำหรับการจัดกิจกรรม “หลักสูตรฝึกอบรมการจัดการนวัตกรรมสำหรับพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้” ในปีนี้ สนช. ยังคงดำเนินกิจกรรมการอบรม 2 ส่วน ได้แก่ กิจกรรมหลักสูตรการเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นผู้ประกอบการรายใหม่ (3 Days Smart SMEs/Startup) ที่เน้นให้ผู้ประกอบการเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง SMEs และ Startup เรียนรู้เครื่องมือวิเคราะห์โครงสร้างทางธุรกิจแบบย่อ พร้อมทั้งแนวทางการพัฒนา นวัตกรรมทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมตั้งแต่ต้นปี โดยในปีนี้มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมจำนวนมากกว่า 200 คน และกิจกรรมหลักสูตรสร้างความสามารถทางนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการใหม่ เน้นให้ความรู้แก่ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากกิจกรรม 3 Days Smart SMEs/Startup ให้สามารถนำไปใช้ได้จริงกับธุรกิจของตนเอง รวมไปถึงการวางแผนพัฒนาข้อเสนอโครงการ และนำเข้าไปสู่ขั้นตอนในการดำเนินการขอทุนสนับสนุนโครงการจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติต่อไป ซึ่งมีผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาทั้งสิ้น 34 ธุรกิจในปีนี้มีผู้ประกอบการที่ได้รับทุนไปแล้วทั้งสิ้น 3 ธุรกิจ คือ โครงการพัฒนากระบวนการดองไข่เค็มด้วยเครื่องดองไข่เค็มความดันสูง, โครงการท่องเที่ยวเสมือนจริง Traveler’s Souvenir และโครงการกรวยยางธรรมชาติอุดรูระเบิดเพื่อการเหมืองแร่ ส่วนธุรกิจอื่นๆ ก็ยังคงมีการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อความพร้อมสำหรับขอรับทุนในปีต่อไปนายไกรศร วิศิษฏ์วงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ปัตตานีได้ปูพื้นเตรียมในเรื่องนวัตกรรมไว้ก่อนแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้อยู้ในขั้นตอนของการจัดการนวัตกรรมและที่สำคัญที่สุดเราได้จัดเตรียมเรื่องคน ที่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ด้านสตาร์ตอัพ วันนี้เราเกิดเป็นหลักสูตรการจัดการนวัตกรรม และจะช่วยตอบโจทย์ ด้านต้นทุน เพิ่มผลผลิตรายได้ ช่วยส่งเสริม และสร้างความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย
ดร.สุรอรรถ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจ กล่าวว่า ทางส่วนของปีหน้านี้ทางแผนส่วนของสำนักงานงบประมาณแห่งชาตินี้ จัดหลักสูตรนี้ให้มีอยู่และจะจัดการให้เข้มข้นกว่าเดิมมีการโพรบ โปรแกรมเป็นการต่อยอดธุรกิจ ให้กับผู้ประกอบการที่เคยรับทุน หรือรายใหม่ที่กำลังมองหาทางเพื่อที่จะคอนเน็กต์เข้ากับลูกค้ารายใหม่ หรือแหล่งทุนรายอื่นๆ เพื่อให้เติบโตอย่างยั่งยืน และเติบโตแบบก้าวกระโดดได้“ส่วนทางด้านผู้ประกอบการที่เดือดร้อนในช่วงของโควิดที่ผ่านมา ในส่วนของงบประมาณปี 2564 นี้ได้ร่วมกับธนาคารออมสิน ในการที่จะเปิดสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการประสบปัญหาส่วนนี้ขึ้นมา คิดดอกเบี้ยพิเศษ 2% เพื่อช่วยเหลือทางด้านสภาพคล่องต่างๆ จะช่วยผู้ประกอบการได้กู้เงินส่วนนี้ใช้หลักทรัพย์เพียง 30% เท่านั้นสำหรับผู้ที่สนใจให้รีบติดต่อไปทางสำนักงานงบประมาณแห่งชาติได้เลยครับ” ดร.สุรอรรถกล่าว
คุณเกดกนก แก้วกระจัง ผู้บริหาร บ.เสกตเชอร สยามที่รัก กล่าวว่า ได้ออกแบบนวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยว เมื่อก่อนนี้ นักท่องเที่ยวเมื่อมาเที่ยวแล้วจะเก็บภาพถ่ายและเก็บของที่ระลึกต่างๆ เพื่อเป็นความทรงจำ และจะเป็นสินค้าซ้ำๆ ภาพถ่ายไม่นานก็ลบทิ้งไป“เราจึงคิดค้นนวัตกรรมขึ้นมาเป็นแอพพลิเคชั่นเล่าเรื่องของการท่องเที่ยว และมีภาพ 3 มิติ วิ่งออกมา ปัจจุบันเราสามารถสแกนบนตัวเสื้อผ้า กระเป๋าผ้า หรือโปรดักส์อื่นๆ และมาถึงจุดๆ หนึ่งสแกนแล้วมีทรีดีสามมิติวิ่งออกมา เราออกแบบมากว่า 2 ปี เราเห็นว่าจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวได้ต่อยอดและคิดต่อเลยมีการทำเป็นเกม AR ขึ้นมา ไปไล่เก็บ AR ต่างๆ ดูสตอรี่ทั้งหมด แล้วจัดของขวัญเป็นกิ๊ฟต์เวาเชอร์ ขึ้นมาให้นักท่องเที่ยวได้รู้จักเรียนรู้ตั้งแต่อยู่บนเครื่องได้เลยค่ะ และต่อไปเราจะแสดงตามแผนที่ให้ลูกค้าได้รู้จักร้านค้า ชุมชน ให้เค้าได้มีความสุขทั้งทางออนไลน์ และทางออฟไลน์ อีกทั้งสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศอีกด้วย” คุณเกดกนกกล่าว