วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์ภัยแล้งยังส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเพาะปลูกของเกษตรกร ทำให้เกษตรกรต้องพลิกผืนนา ด้วยการหันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย ระหว่างรอการเพาะปลูกข้าวนาปี เช่นเดียวกับเกษตกร ตำบลไร่และตำบลพอกน้อย อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร กว่า 20 ราย ใช้พื้นที่กว่า 200 ไร่ พากันปลูกมะเขือเทศส่งขาย โดยมีบริษัทมาลงทุนให้ส่วนหนึ่งพร้อมกับรับซื้อผลผลิตถึงที่
นางยุพิณ ศรีธุลี เกษตรกรเล่าว่า ภายหลังระดับน้ำในคลองชลประทานจากเขื่อนน้ำอูนลดระดับลงและเปิดปิดเป็นเวลาเพื่อสำรองน้ำไว้เผชิญกับสภาวะภัยแล้งในปีนี้ ไม่สามารถปลูกพืชใช้น้ำเยอะได้ แต่โชคดีที่ยังมีพืชใช้น้ำน้อยและเป็นช่องทางทำรายได้คือการปลูกมะเขือเทศ จึงได้ติดต่อทางบริษัทในพื้นที่ เพื่อขอเป็นตัวแทนเกษตรกรในการส่งผลผลิตการปลูกมะเขือเทศ จากนั้นทางโรงงานจึงได้สนับสนุนเมล็ดพันธุ์และทุนส่วนหนึ่ง โดยตนออกทุนอีกส่วนหนึ่ง สำหรับพันธุ์มะเขือเทศที่ใช้คือ พันธุ์สีดา เนื่องจากให้ผลดกและแข็งแรง เริ่มเพาะปลูกมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปีก่อน ปัจจุบันกำลังผสมเกสร เพื่อเร่งให้ออกผล ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ จะสามารถเก็บเกี่ยวได้
นางยุพิณยังกล่าวว่า ส่วนผลผลิตของมะเขือเทศไม่ได้ขายเป็นผล แต่จะนำไปคัดแยกเอาเมล็ดส่งขายให้กับบริษัทที่มารับซื้อ ในราคากิโลกรัมละ 6,000 บาท สำหรับตนปลูกไปกว่า 1 ไร่ ประมาณ 2,500 ต้น ใน 100 ต้น จะให้น้ำหนักต่อ 1 กิโลกรัม โดยจะสามารถเก็บผลผลิตไปจนถึงพฤษภาคม หากเข้าฤดูฝนจะไม่สามารถปลูกได้ต้องรอในปีหน้าถึงจะเริ่มปลูกอีก โดยคาดว่ารายได้จากการปลูกมะเขือเทศในครั้งนี้จะมีรายได้เฉลี่ย 70,000-80,000 บาท สำหรับเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศจะส่งออกนอกแถบยุโรป เพื่อนำไปปลูกในต่างประเทศในการทำซอสมะเขือเทศเพราะมะเขือเทศพันธุ์ไทยผลดกน้ำเยอะเนื้อแน่น เป็นที่ต้องการของต่างชาติเป็นอย่างมาก
