หนุ่มเมียนมาสะเดาะกุญแจมือ โดดท้ายกระบะรถตำรวจ ผิดจังหวะศีรษะฟาดพื้นดับ

หนุ่มเมียนมาสะเดาะกุญแจมือ โดดท้ายกระบะรถตำรวจ ผิดจังหวะศีรษะฟาดพื้นดับ

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 กันยายน 2563 พ.ต.อ.สิทธิพงษ์ สังข์แสง ผกก.สภ.โคกขาม พร้อมด้วย ร.ต.อ.บุญเลี้ยง วันสามง่าม รองสารวัตรสอบสวน สภ.โคกขาม เข้าตรวจสอบเหตุ หนุ่มสัญชาติเมียนมา ทำการสะเดาะกุญแจมือแล้วกระโดดหนีลงจากท้ายรถกระบะตราโล่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.โคกขาม ขณะกำลังถูกควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก เนื่องจากเป็นบุคคลต้องสงสัยไม่พกบัตรประจำตัวแรงงานข้ามชาติ และอาจเป็นพวกหลบหนีเข้าเมือง แต่โชคไม่เข้าข้างเพราะช่วงที่กำลังกระโดดลงไปนั้น เกิดผิดจังหวะทำให้หน้าคว่ำ ศีรษะกระแทกพื้น คอหักเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนสายบ้านคลองหลวง-โคกขาม หมู่ที่ 7 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งการตรวจสอบเหตุในครั้งนี้ได้มีแพทย์เวรโรงพยาบาลสมุทรสาคร, ผู้แทนอัยการจังหวัด, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัด และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร เข้าร่วมตรวจสอบด้วย เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตขณะที่อยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สำหรับผู้เสียชีวิตรายนี้ทราบชื่อต่อมาคือนายจอ อายุประมาณ 35-40 ปี ก่อนหน้านี้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจของ สภ.โคกขาม เข้าตรวจสอบขณะที่กำลังเดินอยู่บริเวณริมถนนเดิมบาง เนื่องจากมีอาการพิรุธเมื่อเห็นรถตำรวจขับผ่าน และจากการขอดูใบบัตรอนุญาตแรงงานต่างด้าวที่จะต้องพกติดตัวไว้เสมอแต่นายจอไม่มีมาแสดง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจึงได้ควบคุมตัวไว้เพื่อนำมาสอบปากคำที่ สภ.โคกขาม และถ้าญาติหรือนายจ้าง นำบัตรต่างด้าวมาแสดงตัวตนที่ชัดเจน ก็จะได้รับการปล่อยตัวตามกฎหมาย แต่ปรากฏว่าขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 1 นาย ได้ขับรถพานายจอและแรงงานเมียนมาอีก 3 รายที่ถูกจับกุมในฐานความผิดอื่นมาโรงพักเพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริง ภายใต้มาตรการป้องกันแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 โดยแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาในพื้นที่นั้น ปรากฏว่านายจอได้สะเดาะกุญแจมือที่คล้องคู่กับผู้ต้องหารายอื่นๆ ออก แล้วก็กระโดดลงจากท้ายรถกระบะ แต่ผิดจังหวะทำให้เสียหลักหน้าคว่ำลง ศีรษะฟาดพื้น คอหักเสียชีวิต

เบื้องต้นทางด้านของ พ.ต.อ.สิทธิพงษ์ สังข์แสง ผกก.สภ.โคกขาม บอกว่า เหตุการณ์ในลักษณะที่มีการเสียชีวิตของผู้ต้องหา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น จะต้องมีผู้เข้าตรวจสอบทั้งหมด 4 หน่วยงานด้วยกันคือ ตำรวจ แพทย์ อัยการ และ ฝ่ายปกครอง ซึ่งหลังจากนี้จะได้ส่งศพไปชันสูตรอีกครั้ง และจะต้องทำการสอบปากคำผู้ต้องหาอีก 3 รายที่เหลือ ซึ่งนั่งมาในท้ายกระบะของรถสายตรวจด้วยกัน รวมถึงติดตามญาติของผู้เสียชีวิตมาให้ปากคำและนำหลักฐานที่เกี่ยวกับผู้เสียชีวิตมาแสดงด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 1 นาย ที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาและเป็นผู้ขับรถสายตรวจด้วยนั้น ก็ได้มีคำสั่งให้เขียนรายงานเหตุการณ์ทั้งหมด อีกทั้งจะต้องทำการสอบปากคำก่อนที่จะมีการพิจารณาดำเนินการในขั้นต่อไป

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image