โผล่เพิ่ม! ผู้ปกครอง จ่อแจ้งความจับครูพี่เลี้ยงเพิ่ม-ลงบันทึกประจำวันเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด

ผู้ปกครองเด็กเตรียมแจ้งความจับครูพี่เลี้ยงเพิ่ม ร่วมลงมือด้วย ผู้ปกครองชั้นอนุบาลห้องอื่นมาลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน เพื่อขอดูกล้องวงจรปิด

เมื่อวันที่ 27 กันยายน จากกรณีที่กลุ่มผู้ปกครอง นำโดยนายชาญวิทย์ น้อยสุขยิ่ง อายุ 37 ปี พ่อของน้องเสือ อายุ 3 ขวบ 8 เดือน อยู่อนุบาล 1 เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.สุภกร แสงจันทร์ รอง สว.สอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง ครูในสังกัดโรงเรียนสารสาสนวิเทศราชพฤกษ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ข้อหาทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนจำนวนหลายคน โดยนำคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่ทางโรงเรียนติดไว้ในห้องเรียน

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สภ.ชัยพฤกษ์  อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีผู้ปกครองเด็กนักเรียนโรงเรียนดังกล่าวเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานเพิ่มเติม

นายชาญวิทย์กล่าวว่า เตรียมที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับพี่เลี้ยงผู้ชายที่ลงมือทำร้ายน้องเสือเพิ่ม เพราะในคลิปจะเห็นว่าน้องเสือนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียน แต่ถูกพี่เลี้ยงผู้ชายเดินเข้ามาชี้หน้า จนน้องเสือร้องไห้ เท่านั้นไม่พอ พี่เลี้ยงผู้ชายยังเดินเข้าไปกระชากแขนให้น้องเสือลุกจากโต๊ะ เมื่อน้องเสือไม่ยอมพี่เลี้ยงผู้ชายได้อุ้มแขนน้องเสือ หลังจากนั้นได้ผลักหลังน้องเสือให้เดิน ขณะที่น้องเสือยังร้องไห้ไม่หยุด ตนจึงไม่แปลกใจเลย เวลาที่ครูจุ๋มทำร้ายเด็กจึงไม่มีใครเข้าห้าม เพราะเป็นแบบนี้กันหมด

นายณรงค์ปกรณ์ อินไชยย์ทอง อายุ 41 ปี พ่อน้องเท็มส์ อายุ 3 ขวบ 6 เดือน กล่าวว่า หลังจากที่ตนแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.อรอุมา หรือครูจุ๋ม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ตนพาน้องเท็มส์ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลปากเกร็ด 2 ระหว่างทางต้องขับรถผ่านโรงเรียน แค่น้องเท็มส์เห็นหลังคาโรงเรียน น้องเท็มส์ถึงกับร้องบอกตนว่าไม่ไปโรงเรียน คิดดูเด็กถูกกระทำถึงขนาดเห็นหลังคาโรงเรียนยังหวาดกลัว  ตอนนี้ตนจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับพี่เลี้ยงอีกคนที่ทำร้ายน้องเท็มส์ ต่อจากครูจุ๋ม แต่ทางร้อยเวรบอกว่า ถ้าจะแจ้งอีกต้องแยกอีกสำนวน เพราะเป็นคนละคนกัน

Advertisement

น.ส.ปุ๊ก มารดาของเด็กนักเรียนอนุบาลโรงเรียนชื่อดัง เคจีวัน ห้องบี กล่าวว่า ตนมาขอลงบันทึกประจำวัน เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการขอดูกล้องวงจรห้องที่ลูกสาวเรียนอยู่ เพราะตนไม่แน่ใจว่าจะมีเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับลูกตนหรือเปล่า เนื่องจากบางวันลูกสาวจะมีรอยจ้ำแดงๆ ที่แขน ขา เมื่อถามลูกก็ไม่ยอมบอก พอมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนชักไม่แน่ใจ จึงอยากจะขอดูกล้องวงจรปิดในห้องเรียนลูกสาว

นายเอก ผู้ปกครองห้อง เคจีวัน ซี  กล่าวว่า ตนก็มาขอลงบันทึกประจำวันเหมือนกัน เพราะจะขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่ห้องลูก เนื่องจากลูกตนจะมีพฤติกรรมเหมือนกับที่ปกครองไลฟ์สดว่าเด็กทุกคนจะถูกปลูกฝังให้พูดว่า รักคุณครูมาก ซึ่งตนเคยถามลูกว่า เคยถูกครูทำโทษบ้างไหม ลูกตนตอบว่า ไม่เคยถูกครูทำโทษ และจะบอกว่ารักคุณครูมาก เมื่อเวลา 14.30 น.วันเดียวกัน ที่ สภ.ชัยพฤกษ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายรณณรงค์ แก้วเพชร์ ทนายความประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้มายื่นหนังสือ เรื่อง ขอให้ส่งสอบสวนเพิ่มเติม ประเด็นหน่วงเหนี่ยวกักขังแก่ พ.ต.อ สถิตพร บุณยรัตพันธุ์ ผกก.สภ.ชัยพฤกษ์ โดย ร.ต.อ.อุทิศ อาสานอก พนักงานสอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ เป็นผู้รับหนังสือแทน

โดยหนังสืออ้างอิงถึง รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีเลขที่ 145 สภชัยพฤกษ์ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2563 จากกรณีที่นางสาวอรอุมา ปลอดโปร่ง ครูในสังกัดโรงเรียนสารสาสนวิเทศราชพฤกษ์ ได้ทำร้ายร่างกายนักเรียนชั้นอนุบาล มีข้อเท็จจริงที่ผู้ปกครองแจ้งเพิ่มเติมว่า มีเด็กนักเรียนบางคนถูกลงโทษด้วยวิธีการขังในห้องน้ำโรงเรียนเป็นเวลานาน ทำให้เด็กนั้นได้รับอันตรายด้านจิตใจและเป็นการจำกัดเสรีภาพ ไม่ให้ออกไปไหนให้เด็กอยู่ในที่กำหนด โดยมีขอบเขตจำกัดโดยที่เด็กไม่สมัครใจ จากการกระทำของ น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง มีอาการหวาดระแวง กลัวการไปโรงเรียน ตื่นขึ้นมาผวาตอนกลางคืน กระวนกระวาย กลัวคน บางครั้งมีอาการหลอนพูดจาคนเดียว และหวาดกลัวการเข้าไปอยู่ในห้องแคบๆ คนเดียว แต่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้มีความเห็นทางกฎหมายในประเด็นนี้ จึงอยากให้สอบสวนเพิ่มตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำ ด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งตามบทบัญญัติของกฎหมายการกระทำอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกังขัง เป็นการทำให้เสียเสรีภาพในการเคลื่อนไหวร่างกายบังคับให้อยู่ในพื้นที่จำกัดจึงเป็นความผิดตามบทบัญญัติกฎหมายข้างต้น

Advertisement

ข้าฯจึงขอความเป็นธรรมให้ดำเนินการสั่งสอบเพิ่มเติมขอให้ดำเนินการสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 310 แก่ครูหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบทุกคน ขณะเกิดเหตุในฐานะตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิด

อนึ่ง คดีนี้อยู่ในความสนใจของสังคมและเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิเด็ก ซึ่งเป็นการขัดกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child ) จึงต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดให้สังคมเห็นเพื่อไม่ให้มีการลอกเลียนแบบ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าต้องไม่มีการละเมิดสิทธิเด็กในประเทศไทย จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาดำเนินการ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image