ส่องฟาร์มปลาดุกหนองคาย โชว์ ‘เลี้ยงในบ่อผ้า’ ส่งขาย 5 จังหวัด วันละ 5 ตัน

ส่องฟาร์มปลาดุกหนองคาย
โชว์ ‘เลี้ยงในบ่อผ้า’
ส่งขาย 5 จังหวัด วันละ 5 ตัน

เกษตรกรที่เลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าระบบปิดใน จ.หนองคาย เพิ่มบ่อเลี้ยงปลาดุกจากเดิม 52 บ่อเป็น 80 บ่อ ให้ผลผลิตสูงสุดวันละ 5 ตัน ส่งขาย 5 จังหวัดในภาคอีสานตอนบน ยังไม่พอเพียงกับความต้องการของตลาด ที่ประชาชนมีการบริโภคปลาดุกเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ขณะที่หน่วยงานภาครัฐและ จ.หนองคาย สนับสนุนให้เกษตรกรเข้าไปเป็นเครือข่าย และเรียนรู้เทคโนโลยีมาปรับใช้กับการเลี้ยงปลาของตนเอง เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้

นายกฤช มิคาระเศรษฐ์ เหมะรักษ์ หรือเสี่ยออย อายุ 40 ปี เจ้าของ “ฟาร์มปลาดุกหนองคาย” เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าใบ ที่ ต.บ้านเดื่อ อ.เมืองหนองคาย โดยเลี้ยงปลาดุกในบ่อผ้าใบ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 เมตร สูง 1.20 เมตร บรรจุน้ำได้ 19.46 ลบ.ม. โดยเริ่มจากการเลี้ยงทั้งหมด 52 บ่อ ในพื้นที่ 18 ไร่ แต่ละบ่อเลี้ยงปลาดุกได้ 10,000-20,000 ตัว ใช้ระยะเวลาเลี้ยงตั้งแต่เริ่มต้นถึงขาย 4 เดือน ให้ผลผลิตบ่อละ 2-3 ตัน ส่งขายใน 5 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบด้วย หนองคาย อุดรฯ หนองบัวลำภู สกลนคร และบึงกาฬ ขณะนี้หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ได้มีการขยายจำนวนบ่อเลี้ยงเป็น 80 บ่อ สามารถให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 5 ตัน หรือเดือนละประมาณ 150 ตัน จากเดิมที่ผลิตได้วันละ 3 ตัน แต่ยังไม่พอเพียงกับความต้องการของตลาด ที่ประชาชนบริโภคปลาดุกเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เฉพาะใน จ.หนองคาย มีความต้องการบริโภคปลาดุกวันละประมาณ 8 ตัน ส่วนอีก 4 จังหวัดที่เหลือมีความต้องการบริโภคปลาดุกประมาณวันละ 32 ตัน เมื่อรวมทั้ง 5 จังหวัดแล้วพบว่ามีความต้องการบริโภคปลาดุกวันละประมาณ 40 ตัน ซึ่งถือว่าตลาดของปลาดุกยังมีรองรับอีกมาก ขณะที่หน่วยงานภาครัฐ คือกรมประมง โดยสำนักงานประมง จ.หนองคาย และ จ.หนองคาย ได้จัดทำโครงการเพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าไปเป็นเครือข่าย “องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น” และเข้าไปเรียนรู้เทคโนโลยีภายในฟาร์ม เพื่อนำไปปรับใช้กับการเลี้ยงปลาของตนเอง ซึ่งทำให้เกษตรกรสามารถอยู่ในเวทีของการแข่งขันและมีมาตรฐานที่สามารถจะขายปลาที่เลี้ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศได้

นายกฤช กล่าวว่า ฟาร์มปลาดุกหนองคายมีแนวคิดว่าจะเป็นต้นแบบให้กับเกษตรกรยุคเก่า ที่สามารถเปลี่ยนแนวความคิดหรือวิธีการมาเป็นนวัตกรรมที่มีอยู่แล้ว แต่มีการนำมาปรับให้เข้ากับประเทศไทย และให้เกษตรกรรุ่นใหม่หันมาผลิตโปรตีนในราคาต่ำแบบนี้ เพราะการผลิตหรือเลี้ยงปลาดุกแบบนี้จะตอบโจทย์ในเรื่องของการจัดการที่ง่าย รวมทั้งตอบโจทย์ในเรื่องของผลผลิต ทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงต่ำ เพราะจำนวนผลผลิตมากขึ้น อัตรารอดเพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้สามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดได้ ไม่มีปัญหาในเรื่องของราคา ซึ่งการผลิตปลาหรือเลี้ยงปลา วิธีการนี้เป็นการผลิตปลาที่สะอาด คือปราศจากสารเคมีและยาปฏิชีวนะ มีการผลิตขายภายในประเทศก่อนที่เหลือก็สามารถส่งออกขายต่างประเทศได้นายกฤช กล่าวอีกว่า ขณะนี้ความนิยมบริโภคปลาที่ปลอดภัยมีเพิ่มมากขึ้น เพราะทุกคนมีความกลัวในเรื่องของโรคภัย ส่งผลให้ยอดคนที่บริโภคปลาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ประกอบกับขณะนี้ทางภาครัฐทั้งกรมประมง โดยสำนักงานประมงจังหวัดหนองคาย และจังหวัดหนองคาย ได้เข้ามาสนับสนุน จัดทำโครงการที่จะให้ชาวบ้านหรือเกษตรกรมาร่วมผลิตหรือส่งผลผลิตให้กับทางฟาร์มปลาดุกหนองคาย ซึ่งฟาร์มปลาดุกหนองคาย ก็จะมีการแปรรูปเพื่อส่งเข้าไปยังตลาดโมเดิร์นเทรดต่อไป ซึ่งในส่วนของฟาร์มปลาดุกหนองคายเองก็ได้มีการขยายจำนวนบ่อในการเลี้ยงปลาดุกเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีอยู่ 52 บ่อ ขณะนี้เพิ่มเป็นเกือบ 80 บ่อ สามารถผลิตได้วันละ 5 ตัน เดือนละประมาณ 150 ตัน ในพื้นที่ 18 ไร่ ในส่วนของตลาดนั้นยังเป็นตลาดในพื้นที่เดิมคือ 5 จังหวัด อีสานตอนบน ประกอบด้วย หนองคาย อุดรฯ หนองบัวลำภู สกลนคร และบึงกาฬ ซึ่งประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวปกติก็มีการบริโภคปลาอยู่แล้วก็ได้หันมาบริโภคปลาดุกจากฟาร์มของเรา เนื่องจากปลาที่เลี้ยงจากฟาร์มของเราไม่มีสารเร่งเหลืองและที่สำคัญไม่มีกลิ่นคาว คุณภาพของเนื้อปลาก็มีคุณภาพที่ดี

“การจะยกระดับเนื้อปลาดุกที่เลี้ยงให้เป็นข้าวหน้าปลาดุก เช่นเดียวกันที่ตอนนี้มีข้าวหน้าปลาไหลว่าขณะนี้เนื้อปลาดุกที่เลี้ยงในฟาร์มตอบโจทย์อาหารญี่ปุ่นคือ ด้วยลักษณะและรสชาติของเนื้อปลาสามารถนำไปปรับเปลี่ยนเป็นอาหารญี่ปุ่นแทนข้าวหน้าปลาไหลได้ คือต่อไปจะเป็นข้าวหน้าปลาดุก เนื่องจากมีรสชาติและคุณภาพเดียวกัน ซึ่งทางบริษัทเจริญโภคภัณฑ์และสถาบันอาหารที่มีทีมวิจัย ได้นำเนื้อปลาจากฟาร์มไปทดสอบ และทดลองทำอาหารในหลากหลายเมนูแล้ว น่าจะมีข่าวดีในไม่ช้านี้” นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย กล่าวหลังจากเยี่ยมฟาร์มปลาดุกหนองคายว่า การเลี้ยงปลาดุกที่ฟาร์มแห่งนี้ เป็นการเลี้ยงปลาดุกตามรูปแบบใหม่ที่ได้มีการศึกษาวิจัยไว้แล้ว อีกทั้งได้มีการเลี้ยงวิธีการนี้ทั้งในและต่างประเทศ ก่อนที่จะมีการนำมาประยุกต์และปรับใช้กับพื้นที่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าหากเรายังมีการประกอบกิจการหรือดำเนินการในรูปแบบเก่า ที่บางครั้งมีปัญหาอุปสรรค มีภัยธรรมชาติ ก็จะประสบกับการขาดทุน หรือผลประกอบการไม่คุ้ม ได้กำไรน้อย หากยังใช้วิถีทางแบบเดิมอาจจะอยู่ยาก แต่ที่ฟาร์มปลาดุกหนองคายมีการปรับเปลี่ยนการเลี้ยงที่แบบเดิมเลี้ยงในบ่อคอนกรีตหรือในบ่อดิน มาเป็นบ่อผ้าใบที่สามารถเลี้ยงได้จำนวนมากถึง 2 หมื่นตัว ภายใน 1 บ่อ ที่มีขนาดกว้าง 5 เมตร สูง 1.20 เมตร

Advertisement

“ดังนั้นจึงมีความคุ้มค่าในการเลี้ยงและในการลงทุน แต่ก็ต้องมีเทคโนโลยีและความรู้ใหม่ๆ เข้ามาใช้ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการในทุกเรื่องได้ เกษตรกรจึงน่าจะมีการเข้ามาเรียนรู้หรือเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายกับฟาร์มปลาดุกหนองคายแห่งนี้ อาจจะเป็นช่วงหนึ่งของการเลี้ยงปลา เช่น เลี้ยงในช่วงอนุบาล พอได้ขนาดก็ส่งต่อเพื่อเลี้ยงที่ฟาร์มแห่งนี้ หรือเข้ามาเรียนรู้นำเทคโนโลยีไปปรับใช้กับเลี้ยงปลาของตนเอง ซึ่งจะทำให้เกษตรกรสามารถอยู่ในเวทีของการแข่งขันและมีมาตรฐานที่สามารถจะขายปลาที่เลี้ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ต่อไป”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image