นักเรียนนายสิบ (นสต.) ตชด.สังกัดกองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 3 กองบังคับการฝึกพิเศษ (กฝ.3) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เปิดฉากตะลุมบอนกับกลุ่มวัยรุ่นหลังพากันเข้าไปเที่ยวในผับดัง ตะวันแดงสาดแสงเดือน จนข้าวของล้มระเนระนาดพังยับเยิน
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ต.ท.ธีรเจต ต่อน้อย สารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองอุบลราชธานี รับแจ้งจากนายสันติชัย ขวัญเมือง อายุ 27 ปี ชาวตำบลสะบารัง อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เป็นนักเรียนนายสิบ สังกัดกองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 3 กองบังคับการฝึกพิเศษ (กฝ.3) กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน มาพบแจ้งว่าเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2563 ได้ไปเที่ยวร้านตะวันแดงสาดแสงเดือน ถนนเลี่ยงเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โดยมาเที่ยวกับเพื่อนนักเรียนนายสิบ ฤทธิเดช เก่งกาจ กับพวกรวม 7 คน นั่งโต๊ะติดบริเวณหน้าเวทีฝั่งด้านซ้ายโต๊ะที่ 3 แถวที่ 2 ซึ่งนั่งกินกันอยู่ที่โต๊ะดังกล่าวด้วยกัน จนกระทั่งเวลา 00.05 น.ของวันที่ 4 ตุลาคม 2563 มีผู้หญิงวัยรุ่นเข้ามาเต้นกับโต๊ะนักเรียนนายสิบ แล้วเกิดการเขม่นกัน ถูกกลุ่มวัยรุ่นชกแล้วจึงเกิดการชกต่อยกันขึ้น มีการขว้างแก้วและขวดจากโต๊ะอื่นมาใส่โต๊ะ
นายสันติชัยให้การว่า หลังเกิดเหตุตนเองจึงเดินออกมาหน้าประตูทางออกแล้วก็มีการ์ดเข้ามาดึงตัวตนเองออกมาด้านหน้าลานจอดรถของร้านตะวันแดงแล้วล็อกคอไว้ จากนั้นก็มีบุคคลอื่นที่ยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดมาทำร้ายเตะต่อยจนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหูซ้าย กรามหัวเข่า ฝ่ามือ หัวแม่โป้เท้าซ้าย และเข่าขวา แล้วมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเดินมาเดินทางมาถึงแล้วกลุ่มผู้ทำร้ายก็หลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 00.05 นวันที่ 4 ตุลาคม 2563 นอกจากนี้ยังมีเพื่อนนักเรียนนายสิบที่มาเที่ยวด้วยกันได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
พ.ต.ท.ธีรเจต ต่อน้อย ได้รับแจ้งไว้และได้ส่งตัวนักเรียนนายสิบ สันติชัย ขวัญเมือง ให้ไปพบแพทย์โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ตรวจร่างกาย เพื่อจะได้ดำเนินการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดต่อไป
ต่อมา นายกิตติ์พัฒน์ สบายใจ อายุ 42 ปี รองผู้จัดการร้านตะวันแดง มหาชน มาพบพนักงานสอบสวนแจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 00.05 นวันที่ 4 ตุลาคม 2563 มีวัยรุ่นไปเที่ยวที่ร้านตะวันแดงแล้วทะเลาะวิวาทกันบริเวณด้านหน้าเวทีทำให้ร้านได้รับความเสียหาย ข้าวของล้มระเนระนาดพังยับเยิน และลูกค้ามาเที่ยวตกใจ กลัวโดนลูกหลง วิ่งหนีไม่จ่ายเงินค่าอาหารและเครื่องดื่ม รวมเป็นประมาณ 3 หมื่นบาท จึงมาแจ้งความไว้เพื่อตรวจสอบหาตัวผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบค่าเสียหายดังกล่าว
