สืบเนื่องจากเหตุการณ์ นสพ.ภูวดล สุวรรณะ หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ วิจัยและสุขภาพสัตว์ สวนสัตว์สงขลา ใช้ปืนยิงนายสุริยา แสงพงค์ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสียชีวิตภายในสำนักงานสวนสัตว์สงขลา ขณะลงตรวจสอบกรณีลูกเก้งเผือกสายพันธุ์พระราชทานหายไป 2 ตัวนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบตำรวจภูธร จ.สงขลา ได้ตั้งชุดทำงานเพื่อคลี่คลายปมคดีเก้งทั้งสองตัวหายแล้ว สำหรับกรอบการสอบสวนคดียิงนายสุริยา มีการตั้งข้อสังเกตไว้หลายประเด็นคือ 1.ทำไมไม่แจ้งตำรวจตั้งแต่ตอนที่ทราบว่าลูกเก้งหายไป จนมาพบซากโครงดูกก็ยังไม่แจ้ง 2.จะสอบถามไปยังผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์เลื้อยคลานว่า เวลาสัตว์เลื้อยคลานกินตัวอะไรเข้าไปแล้วจะคายเลยหรือไม่ หรือต้องใช้เวลาในการย่อยนานเพียงใด 3.สืบสวนเรื่องร่องรอยพื้นที่ว่าเมื่อทราบว่าเก้งหายไปแล้ว พื้นที่ตรงนั้นมีร่องสัตว์ต่อสู้หรือดิ้นรนเอาชีวิตรอดลักษณะจะเป็นอย่างไร
ขณะเดียวกัน จะมีการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ว่าการที่สวนสัตว์กล่าวว่าลูกเก้งตัวแรกถูกงูเหลือมกิน และมาพบซากโครงกระดูกทีหลังนั้นจริงหรือไม่ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ว่าพฤติกรรมการหากินของงู เมื่อกินไปแล้วจะเหลือโครงกระดูกไว้หรือไม่ จากนั้นนำมาเทียบกับอายุของลูกเก้งตัวแรกว่าถ้างูเหลือมกินเข้าไปแล้วจะยังเหลือโครงกระดูกเหมือนที่พบ และเจ้าหน้าที่สวนสัตว์สงขลาอ้างว่าเป็นโครงกระดูกของเก้งเผือก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ตำรวจกองปราบปรามได้มีการตั้งทีมสอบสวนเรื่องนี้เช่นกัน โดยสอบในประเด็นเรื่องการโยกย้ายเจ้าหน้าที่สวนสัตว์สงขลาทั้ง 4 นาย โดยเฉพาะ นสพ.ภูวดล
ตำรวจเปิดเผยว่า จากการสอบสวนญาติและคนใกล้ชิดของนายภูวดลได้ข้อมูลว่านายภูวดลโกรธนายสุริยาเป็นอย่ามาก ที่มีคำสั่งย้ายตนออกจากพื้นที่โดยที่ไม่มีความผิด เพราะนายสัตวแพทย์ภูวดลเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าไม่ได้ทำผิด อีกทั้งตนเองตั้งใจทำงานมาโดยตลอด และยังเคยตัดพ้อทำนองว่าทำไมไม่สอบสวนและสั่งย้ายคนอื่นที่มีความรับผิดชอบโดยตรง ตนเป็นแค่หมอที่คอยดูแลสัตว์ยามเจ็บป่วยและสุขภาพทั่วไปของสัตว์เท่านั้น
