หัวหน้าคณะก้าวหน้านนทบุรีตอกกลับนายวสุ ‘อย่าหาพูด’ ถ้ายังคิดได้แค่หานายทุนมาสปอยล์แบบเดิมๆ การเมืองแบบนายบ่าวเก่าๆ อยู่
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายวสุ ผันเงิน นายก อบต.บ้านใหม่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา พาดพิงถึงอาตี๋ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ใจความว่า
“สวัสดีครับ! ท่าน ธนาธร แซ่จึง วันนี้ผมมีเรื่องมาขอเตือนสติท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นเบื้องหลังของคณะก้าวหน้านนทบุรี ซึ่งตอนนี้เป็นที่รู้ๆกันทั่วเมืองนนท์ว่าท่านส่ง คณะของท่านลงสมัครรับเลือกตั้ง นายก.อบจ +ส.จ.36เขต ทั่วทั้งเมืองนนท์!!
คำถามที่ผมขอ….ถามท่านคือว่า ทำไมผู้สมัคร ส.จ.ทุกคนในนามทีมท่าน ต้องจ่ายเงินคนละ 32,000บาทครับ 55555 (กูขำ) ค่าป้ายใหญ่10ป้าย ค่าแผ่นพับ10,000แผ่น ค่าสมัคร5,000 ค่าเสื้อ10ตัว และอะไรอีกนะ จำไม่ได้ว่ะ เด็กๆว่าที่นักการเมืองหน้าใหม่ของนนทบุรี เค้าน้อยใจมาก เค้าเดินหาเสียง ทำกิจกรรม ในนามท่านมาเป็นปีๆ นำเสนอนโยบายท่านให้ชาวเมืองนนท์ได้รับรู้ แบบเต็มกำลัง โดยไม่เคยร้องขอเงินพรรค รึ เงินจากหัวหน้าคณะก้าวหน้านนทบุรี เลยซักกะบาท?? แต่ถ้าท่านไม่มี รึ มีไม่พอ ผมแนะนำให้ท่านเอาเงินกำไรจากงาน ดีเบท คัดเลือก นายก อบจ.นนทบุรี ( ปาหี่ โต๊ะจีน ) ที่ผ่านมาเอาออกมาใช้ได้นะครับ น่าจะพอมีเหลือบ้างนะ!! ถ้าเสี่ยแสนล้าน ออกอาการตระหนี่ ขี้เหนียว ซะแล้ว แบบนี้ลูกทีม ส.จ.เผ่นหมดแน่ๆครับ เด็กเมืองนนท์มันไม่มีใครธรรมดาๆหรอกครับท่าน ขึ้นชื่อว่า (ทุเรียน) จะลูกใหญ่ รึ ลูกเล็ก หนามมันย่อมคมเสมอ ท่าน กะ ทีมท่าน มันเป็นแค่ ( ส้ม ) จะลูกใหญ่ รึ ลูกเล็ก เมื่อโดนหนามทุเรียนกระแทกเข้าไปเปลือกส้มบางๆ ย่อมแตกกระจายอย่างง่ายดายแน่นอน 5555555
# อาตี๋เอ๊ย ถ้าเอ็งประะสบการณ์น้อย อย่ามาทะลึ่งสอยทุเรียน!!
ต่อมา นางปัญญารัตน์ นันทภูตานนท์ หัวหน้าคณะทำงานก้าวหน้านนทบุรี ได้ออกมาไลฟ์สดในเพจคณะก้าวหน้านนทบุรี ชี้แจงและอธิบายในกรณีดังกล่าวว่า ผู้สมัครในนามคณะก้าวหน้าที่ลงชิงเก้าอี้ทั้ง นายก อบจ.และ ส.จ. 36 คน ทุกคนได้ลงพื้นที่เพื่อพบปะกับพี่-น้องประชาชนชาวนนท์ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ในการเก็บข้อมูลของปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ ถึงได้ตกผลึกออกมาเป็นการชูนโยบายในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้ชีวิตของคนนนทบุรีดีขึ้นมาได้จริงไม่ใช่การ “ขายฝัน” ซึ่งทีมว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.และ ส.จ.คณะก้าวหน้าทุกคน รู้ลึก รู้จริง ทำได้จริงอยู่แล้ว
ในส่วนที่มีคนออกมาพูดคะนองปากว่าทำไมทางทีมงานต้องเก็บเงินว่าที่ผู้สมัคร ส.จ.ทั้ง 36 คน คนละ 32,000 บาท รวมเท่ากับ 1,152,000 (หนึ่งล้านหนึ่งแสนห้าหมื่นสองพันบาท) มาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลางต่างๆ นั้น ก็เพราะว่าส่วนหนึ่งการสั่งทำป้ายหาเสียงใหญ่-เล็ก เสื้อผู้สมัครและของทีมงาน แผ่นพับนโยบาย หรือแม้กระทั่งค่าโปรโมตทางสื่อ และยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกหลากหลาย ซึ่งหากทางว่าที่ผู้สมัคร ส.จ.สั่งทำแบบหลายตัว หลายชิ้นจำนวนเยอะ จะมีราคาต้นทุนที่ถูกกว่า การจัดทำ จัดหา แบบส่วนตัวคนเดียวจะมีราคาที่สูงมากกว่า ตรงนี้จะช่วยเซฟคอส ลดต้นทุนในเรื่องค่าใช้จ่ายให้ถูกลงด้วยแน่นอน รวมถึงการที่ว่าที่ผู้สมัครลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.หรือ ส.จ.ในนามของคณะก้าวหน้า แน่นอนก็จะมีคนรู้จัก มีคะแนนเป็นที่นิยมนำหน้าเกือบ 30% มากกว่าผู้ที่ลงสมัครโนเนม หรือตัวคนเดียวแบบอิสระอยู่แล้ว ในจุดนี้สำคัญ
กลับคำถามที่สำคัญ ประเด็นเด็ดเลยที่ว่า “ทำไมเราไม่หานายทุนมาซัพพอร์ต” เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ตรงนี้ ก็เพราะ หากว่าที่ผู้สมัครคนใดคนหนึ่งรับเงินมาจากนายทุน เท่ากับคุณได้เป็นหนี้บุญคุณของนายทุนที่ซัพพอร์ตเรามาแล้ว ในเมื่อคุณเป็นนิติบัญญัติแล้ว มีหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนในการตรวจสอบ การทำงานของคณะบริหารของหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นได้อย่างอิสระ ได้ตรงไปตรงมาและมีคุณภาพ จะดีกว่าที่มีนายทุนมาสั่งการ บอกหันซ้าย หรือหันขวาได้หมดตามอำนาจแบบเก่าๆ อย่างนี้ไม่ดีแน่ แต่ถ้าตราบใดที่คุณใช้ทุนทรัพย์ของตัวเอง คุณก็จะไม่เป็นเบี้ยล่างหรือเป็นทาสของใคร ไม่มีนาย ไม่มีบ่าว เรามีแต่ความเสมอภาค ก็จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ของจังหวัดนั้นๆ ทำงานได้อย่างภาคภูมิใจกว่า รวมทั้งการแก้ไขปัญหาเรื่องเดือดร้อนต่างๆ ให้คนในพื้นที่ได้ดีด้วย หากมอง ส.จ.เปรียบระดับประเทศก็คือหน้าที่เหมือน ส.ส. แต่ ส.จ.เป็นการดูแลแก้ไขช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในระดับท้องถิ่นในพื้นที่ของจังหวัดให้ดีขึ้น เพราะเราทำงานกันแบบใหม่ สู้ด้วยนโยบาย สู้กันด้วยสมอง และการพัฒนา ไม่ยึดติดรูปแบบการเมืองเดิมๆ แบบเก่าๆ เราต้องปลดล็อก ปลดแอก เพื่อเข้าสู่ระบบการเมืองแบบใหม่ วิธีคิดแบบใหม่ ในการพัฒนาประเทศให้เจริญ พัฒนาไปพร้อมกับพลเมืองที่มีคุณภาพ มีชีวิตที่ดี มีสวัสดิการที่ดูแลสังคมและมีสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย เพื่อลูกหลานเราในอนาคต
