วิ่งราวทองหนัก 1 บาท ถูกจับได้ กราบไหว้ขออย่าเอาเรื่อง อ้างตกงาน พ่อแม่ตาย เมียทิ้ง

อ้างตกงานวิ่งราวทองคำหนัก 1 บาทร้านขายของชำ ตำรวจจับกุมตัวได้ กราบวิงวอนเจ้าของร้านขออย่าเอาเรื่อง พ่อแม่ตาย เมียทิ้ง

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นางลำดวน วงคำเคน อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 ม.7 ต.โคกสว่าง อ.สำโรง จ.อุบลราชธานี ได้เปิดร้านขายของชำ ที่บ้านเลขที่ 44 หมู่ที่ 7 บ้านสระดอกเกษ ตำบลโคกสว่าง อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งขณะอยู่หน้าบ้านลำพังคนเดียว ได้มีคนร้ายเข้ามาทำทีขอเติมเงินโทรศัพท์จากตู้โทรศัพท์ภายในร้าน แล้วได้ดึงสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท ที่สวมไว้ที่คอแล้วขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกรูปปี้ สีดำ-แดงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หนีไป คนร้ายไม่มีอาวุธและมาคนเดียว เหตุเกิดเวลา 07.45 น.วันที่ 7 ตุลาคม หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี, พ.ต.อ.สานิตย์ ไชยสถิตย์ รอง ผบก.ภ.จว.อุบลราชธานี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรง เร่งรัดติดตามจับกุมตัวคนร้ายโดยเร็ว

ต่อมา พ.ต.อ.วรวิทย์ สีมาพล ผกก.สภ.สำโรง สืบสวนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนายธนกฤต หรือหนึ่ง ไหลหลั่ง อายุ 42 ปี ม.5 ต.ป่าโมง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี หลังจากกระชากสร้อยคอมาแล้ว ได้นำไปให้นายโมคคัลลาน์ ชราศรี อายุ 49 ปี ม.13 ต.นากระแซง อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี นำไปขายให้ร้านทองเต็กเซ้ง เยาวราช ที่ อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ได้เงิน 25,000 บาท โดยนายธนฤกต รออยู่ที่บ้านนายโมคคัลลาน์ นำเงินไปซื้อสุรามาดื่มกันที่บ้านนายโมคคัลลาน์ จึงนำกำลังชุดสืบสวนเข้าจับกุมตัวได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านที่เกิดเหตุโดยนายธนกฤต หรือหนึ่ง ได้กราบวิงวอนขอให้นาง ลำดวน ยกโทษให้สาเหตุที่ทำไปเพราะตนเองตกงานไม่มีเงิน พ่อ แม่ ก็ไม่มี เมียก็ทิ้ง และได้ควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.สำโรง โดยดำเนินคดีนายธนกฤต ไหลหลั่งข้อหาวิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม และนายโมคคัลลาน์ ชราศรี ดำเนินคดีในข้อหา รับของโจร

ด้าน พ.ต.อ.สานิตย์ ไชยสถิตย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี เดินทางไปสอบปากคำผู้ต้องหาพร้อมฝากประชาสัมพันธ์ ขอให้ชาวบ้านได้ระมัดระวังในการใส่สิ่งของมีค่าเครื่องประดับ ซึ่งขณะนี้ราคาทองที่กำลังค่อนข้างเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา ก็จะเป็นประเด็นแรกที่ทำให้เป็นมูลเหตุจูงใจให้คนที่คิดจะกระทำความผิด หรือคนร้ายก่อเหตุได้ ขณะเดียวกันคนร้ายก็อาจจะแบ่งเป็น 2 แบบหลักๆ แบบแรกคือ คนร้ายที่เคยกระทำความผิด หรือมีจิตใจที่คิดจะก่อเหตุชิงทรัพย์ มีการเลือกเป้าหมาย ตระเวนล่าเหยื่อ กับคนร้ายอีกรูปแบบหนึ่ง คือไม่เจตนาจะเป็นคนร้าย แต่ว่าพอสบช่องโอกาส เห็นโอกาส ตัวเองกำลังเดือดร้อนตกงาน ไม่มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน พอได้เห็นเหยื่อ ใส่ทองก็จะลงมือก่อเหตุ

Advertisement

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image