รองผู้ว่าฯรุดตรวจสอบ เหตุแอมโมเนียรั่ว ควบคุมได้หมดแล้ว กำชับ จนท.เฝ้าระวังอีกระยะหนึ่ง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ตุลาคม นายนิเวศน์ หาญสมุทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เดินทางไปที่โรงงานน้ำแข็งเพื่อติดตามสถานการณ์ตรวจสอบขวนการแก้ปัญหา ภายหลังคณะเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมและแก้ไขการรั่วไหลของสารแอมโมเนียได้เรียบร้อยแล้ว โดยนายนิเวศน์แสดงความพอใจหลังนายภาคภูมิ ภูมี นายอำเภอเขาค้อ พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้สรุปสถานการณ์ภาพรวม ซึ่งล่าสุดที่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว นอกจากนี้นายนิเวศน์ยังกำชับให้ทางอำเภอจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังไปอีกระยะหนึ่งอีกด้วย

จากนั้นนายวิเวศน์ พร้อมคณะ ยังได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลเขาค้อ เพื่อเยี่ยมนายอนุรักษ์ กิจค้าวงณ์ เจ้าหน้าที่ชุด ERT สำนักบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก ที่ได้รับบาดเจ็บ ขณะเข้าร่วมระงับเหตุแก๊สแอมโมเนียโรงงานน้ำแข็งยั่งยืนเขาค้อรั่วไหล เมื่อช่วงเย็นวานนี้ โดยนายอนุรักษ์ พร้อมพวกรวม 5 คน หลังได้รับมอบหมายให้เข้าไปปิดวาล์วภายในโรงงาน แต่ขณะปีนเข้าไปภายในบริเวณที่ตั้งถังแก๊ส ปรากฏว่าสารแอมโมเนียที่ฟุ้งกระจายได้เล็ดลอดเข้าไปภายในหน้ากากที่สวมใส่ ทำให้นายอนุรักษ์หมดแรง และเกิดอาการแน่นหน้าอก รวมทั้งหายใจไม่ออก จนกระทั่งเพื่อนต้องช่วยกันหามร่างนายอนุรักษ์ออกไปช่วยปฐมพยาบาลในเบื้องต้น ก่อนจะถูกส่งโรงพยาบาลเขาค้อ ส่วนอาการล่าสุดนายอนุรักษ์พ้นขีดอันตราย โดยแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว ซึ่งนายนิเวศน์นอกจากจะแสดงความห่วงใยแล้วยังได้มอบกระเช้าให้กำลังใจอีกด้วย

ด้านกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยกองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม และ สคร.2 จ.พิษณุโลก ติดตามกรณีก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลใน จ.เพชรบูรณ์ ลงพื้นที่สอบสวนโรคและตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ พร้อมแนะนำประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ หากมีอาการระคายเคืองผิวหนัง แสบตา น้ำตาไหล แสบจมูก แสบคอ ไอแห้งๆ หายใจติดขัด แน่นหน้าอก ในช่วง 1 สัปดาห์นี้ ขอให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มีก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลที่โรงน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์นั้น กรมควบคุมโรคขอให้ข้อมูลว่า หลังจากได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ได้มอบหมายให้กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก (สคร.2 จ.พิษณุโลก) ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ติดตามและประสานงานกรณีก๊าซแอมโมเนียรั่วไหลดังกล่าวกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และในวันนี้กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม และ สคร.2 จ.พิษณุโลก ได้ลงพื้นที่เพื่อสอบสวนโรคและตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมทั้งให้ความรู้และคำแนะนำในการป้องกันตนเองแก่ประชาชน ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่

Advertisement

ดร.แพทย์หญิงฉันทนา ผดุงทศ ผู้อำนวยการกองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กล่าวเสริมว่า ก๊าชแอมโมเนียมีผลกระทบต่อสุขภาพในลักษณะเฉียบพลัน เมื่อก๊าชแอมโมเนียสัมผัสกับน้ำจะทำปฏิกิริยาเกิดเป็นกรด กัดกร่อนเนื้อเยื้อ สำหรับประชาชนที่ได้รับสัมผัสในปริมาณน้อยจะเกิดอาการสำคัญคือทำให้เยื่อบุต่างๆ ของร่างกายที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบเกิดอาการแสบตา น้ำตาไหล แสบจมูก แสบคอ บางรายอาจมีอาการไอหรือแสบตามผิวหนัง ทั้งนี้ หากได้รับสัมผัสในปริมาณมาก เช่น กรณีผู้ป่วย 2 ราย เข้าไปปิดวาล์ว ถือว่าได้รับปริมาณมากเกินกว่าปกติหลายเท่า ทำให้เกิดอาการระคายเคืองหลอดลมและถุงลมอย่างรุนแรง แน่นหน้าอก หมดสติได้ดังที่เป็นข่าว เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์จะดูแลให้การรักษาประคับประคอง อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะหายได้เอง ผู้ที่มีอาการหนักดังกล่าว ควรดูแลเฝ้าระวังสังเกตสุขภาพอย่างต่อเนื่อง 1 เดือน จนกว่าอาการจะกลับมาเป็นปกติ นอกจากนั้นก๊าชแอมโมเนียไม่มีผลตกค้าง ไม่ก่อมะเร็ง ไม่ทำให้เกิดความผิดปกติต่อพันธุกรรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image