ตร.เผยคนขับรถไฟไม่ผิด แถมมี กม.พิเศษคุ้มครอง ชี้คนขับรถบัสประมาท

ตร.เผยคนขับรถไฟไม่ผิด แถมมี กม.พิเศษคุ้มครอง ชี้คนขับรถบัสประมาท

ตำรวจจ่อไม่ดำเนินคดีคนขับรถไฟ ระบุ รฟท.มีกฎหมายพิเศษคุ้มครอง และได้ใช้ความระมัดระวังแล้ว ชี้ทัศนวิสัยไม่ดีร่วมกับความประมาทของคนขับ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตขยับเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งราย รวม 19 ราย เผยรถบัสขนคนมาเกินพิกัดถึง 70 คน จากเงื่อนไขอนุญาต 42 คน พร้อมเตรียมงัด พ.ร.บ.ขนส่งเล่นงานผู้เป็นเจ้าของบัสกฐินมรณะ

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 12 ต.ค.63 ที่ห้องประชุม 2 สภ.เมืองฉะเชิงเทรา พล.ต.ต.ชาคริต สวัสดี ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าพุ่งชนรถบัสของคณะกองกฐินที่กำลังจะเดินทางไปร่วมทำบุญในงานถวายผ้ากฐินยังที่วัดบางปลานัก ในเขตพื้นที่หมู่ 10 ต.บางเตย แต่ได้มาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน ในพื้นที่หมู่ 7 ต.บางเตย อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนที่จะถึงยังที่หมายเพียงประมาณ 4 กม. จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 19 ราย และบาดเจ็บ 40 ราย ว่า

เหตุการณ์ดังกล่าวในวันเกิดเหตุมีทัศนวิสัยไม่ดีเนื่องจากมีฝนตกลงมาในพื้นที่ จึงทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นต่ำได้เพียงระยะ 300 เมตรเท่านั้น อีกทั้งคนขับรถบัสยังไม่คุ้นเคยเส้นทาง โดยเฉพาะจุดตัดข้ามทางรถไฟ และภายในรถยังมีการเปิดเพลงเสียงดัง และมีผู้โดยสารเต้นรำกันมา จึงอาจทำให้ผู้ขับขี่ไม่ได้ยินเสียงหวูดเตือนจากรถไฟ ประกอบกับที่เกิดเหตุไม่มีเครื่องกั้นรถไฟ แต่มีป้ายเตือนและสัญญาณไฟชัดเจน

Advertisement

นอกจากนี้ จุดเกิดเหตุยังมีลักษณะเป็นทางลาดชัน ผู้ขับขี่ต้องเร่งความเร็วเพื่อให้ผ่านพ้นจุดดังกล่าว โดยที่ภายในรถบัสยังมีผู้โดยสารเกินกว่าจำนวนที่ได้รับอนุญาต คือ 42 คน แต่ในวันเกิดเหตุมีผู้โดยสารมาทั้งหมด 70 คน ซึ่งมากกว่าปกติ จึงเร่งเครื่องยนต์ขึ้นเนินได้ช้ากว่าปกติ โดยที่ขบวนรถไฟวิ่งมาด้วยความเร็วจึงส่งผลทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้ในระยะกระชั้นชิดได้ทัน

สำหรับขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าเที่ยวนี้มีความยาว 439 เมตร มีน้ำหนักประมาณ 2,000 ตัน ซึ่งต้องใช้ระยะเบรกหยุดรถมากถึง 600 เมตร ตามปกติ จึงจะสามารถหยุดรถได้ โดยที่คนขับนั้นได้มีการเปิดหวูด พร้อมเปิดไฟให้สัญญาณเตือนแล้วในระยะที่มองเห็นประมาณ 300 เมตร จึงมีการเตือนผู้ข้ามทางแล้ว จึงถือว่าได้ใช้ความระมัดระวังในจุดที่เพียงพอ

อุบัติเหตุในครั้งนี้จึงไม่ได้เกิดขึ้นจากความประมาทของ พขร.รถไฟ แต่เป็นความประมาทของคนขับรถบัสที่ใช้ความระวัดระวังไม่เพียงพอ นอกจากนี้ รถไฟยังมีกฎหมายพิเศษ ที่ผู้ข้ามทางจะต้องใช้ความระมัดระวังเอง เมื่อเห็นว่ามีความปลอดภัยแล้วจึงจะข้ามได้ และทางข้ามดังกล่าวยังเป็นทางลักข้ามที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยเป็นเพียงทางข้ามที่ท้องถิ่นและชาวบ้านใช้ตัดผ่านข้ามกันเองในหมู่บ้าน ซึ่งในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา มีทางข้ามลักษณะดังกล่าวจำนวน 16 จุด

ขณะนี้ทาง นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา ได้มีคำสั่งการให้ อปท.ในพื้นที่ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล และเทศบาล ที่มีเส้นทางตัดข้ามทางรถไฟ ดำเนินการจัดหางบประมาณในสร้างเครื่องกั้นทางรถไฟแบบอัตโนมัติ จุดละประมาณ 3.5 ล้านบาทไปก่อนทั้ง 16 จุด เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

และจะประสานขออนุญาตไปยังทางการรถไฟแห่งประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อให้เป็นทางผ่านที่ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป โดยจะถือโอกาสนี้ใช้เป็นตัวอย่างให้แก่จังหวัดอื่นๆ ในการหาหนทางแก้ไขและป้องกันปัญหาในลักษณะนี้ เช่นเดียวกัน

ส่วนการดำเนินคดีกับเจ้าของรถบัส ที่มีการปล่อยละเลยให้มีการบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนกว่าพิกัดบรรทุก หรือบรรทุกคนเกินจำนวนนั้น จะได้ให้ทางสำนักงานขนส่งมาแจ้งความร้องทุก เพื่อดำเนินคดีต่อทางเจ้าของรถต่อไป และจากการตรวจสอบการทำประกันภัยของรถบัสหมายเลขทะเบียน 30-1476 พระนครศรีอยุธยา แล้วนั้น พบว่ามีการทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัทอาคเนย์ประกันภัย

ซึ่งมีวงเงินทุนประกันภัยในการชดเชยค่าเสียหายกรณีเสียชีวิตไม่เกิน 5 แสนบาทต่อคน และไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง นอกจากนี้ยังมีการทำประกันภัยในภาคสมัครใจ ประเภท 3 ไว้กับทางบริษัทสินมั่นคงประกันภัย มีวงเงินความคุ้มครองการเสียชีวิต 5 แสนบาทต่อคน และไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้งเช่นกัน ซึ่งรวมถึงค่ารักษาพยาบาลรายบุคคลที่มีวงเงิน 5 หมื่นบาทเท่ากันทั้ง 2 ประเภท

โดยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุใหญ่ มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก หากเกินกว่าวงเงินเอาประกันภัยจะต้องเฉลี่ยกันไปในแต่ละราย ส่วนจำนวนยอดของผู้เสียชีวิตล่าสุดในขณะนี้ มีจำนวน 19 ราย เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานในที่เกิดเหตุ 1 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุด ทางญาติได้ส่งตัวไปทำการรักษายังที่ รพ.จุฬาฯ ในกรุงเทพ เมื่อคืนที่ผ่านมา และเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 23.40 น.

ขณะที่ รพ.พุทธโสธร ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนพักรักษาตัวอีกจำนวน 2 ราย อาการปานกลาง 9 ราย จากที่ถูกส่งตัวเข้ามารักษาทั้งหมด 17 ราย ส่วนที่เหลือกลับบ้านได้แล้ว และที่ รพ.บ้านโพธิ์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งไปรักษาตัว 10 ราย แพทย์ให้นอนพักรักษาตัว 2 ราย ส่งต่อมายัง รพ.พุทธโสธร 1 ราย ที่เหลือแพทย์ให้กลับบ้านได้

ขณะที่ รพ.คลองเขื่อน มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกส่งไปจำนวน 6 ราย รพ.เกษมราษฎร์ 7 ราย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วทั้งหมด สรุปยอดผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้นในวันนี้ จึงมีผู้เสียชีวิต 19 ราย บาดเจ็บ 39 ราย และสำหรับการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิตนั้น ขณะนี้สามารถตรวจพิสูจน์ทราบได้แล้วทั้ง 18 ราย แต่ยังมีชิ้นส่วนท่อนร่างอีก 1 ชิ้นที่ยังไม่ทราบว่าเป็นของใคร จึงได้ส่งไปตรวจพิสูจน์ยังสถาบันนิติเวช ตำรวจ แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image