‘ครูปุ้ม’ ยันไม่เซ็นใบหย่า ‘ครูชลธี’ เสียใจอีกฝ่ายไม่เห็นความดีตลอด 30 ปี ชี้พร้อมให้อภัย

สืบเนื่องจากกรณีนายสมนึก ทองมา หรือครูชลธี ธารทอง อายุ 84 ปี นักร้อง นักแต่งเพลง และศิลปินแห่งชาติชื่อดัง มอบหมายให้ทนายความฟ้องนางศศิวิมล ทองมา หรือครูปุ้ม (ภรรยา) อายุ 54 ปี คดีแพ่ง ในข้อหาหรือฐานความผิด “หย่า แบ่งสินสมรส ขับไล่ ส่งมอบทรัพย์สิน” ซึ่งศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี ประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ ยชพ.9/2563 ลงวันที่ 23 ม.ค.63 และศาลได้นัดสืบพยานฝ่ายโจทก์เมื่อวันที่ 21 ต.ค. ฝ่ายจำเลยวันที่ 22 ต.ค.63 นั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 ตุลาคม ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้เข้าไปภายในบัลลังก์ศาลในเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งวันนี้เป็นการสืบพยานฝ่ายจำเลย คือฝ่ายของครูปุ้ม ซึ่งมีทั้งหมด 4 ปาก ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ และศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 ธ.ค.63 เวลา 10.00 น. ซึ่งครั้งนี้ นางศศิวิมล ทองมา หรือครูปุ้ม ได้เดินทางมากับนายธีระพงษ์ ปีตวัฒนกุล และ ดร.ธณัฐพล ชะอุ่ม ทนายความส่วนตัว

หลังจากศาลเยาวชนและครอบครับจังหวัดกาญจนบุรีสืบพยานฝ่ายจำเลยแล้วเสร็จ ครูชลธี ธารทอง นักร้อง นักแต่งเพลง และศิลปินแห่งชาติชื่อดัง ได้เดินทางกลับด้วยรถกระบะ เมื่อออกมาจากประตูศาล ผู้สื่อข่าวได้พยายามเรียกเพื่อขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับคดี แต่คนขับได้ขับรถออกไปในทันที จึงไม่สามารถสัมภาษณ์ได้

ทั้งนี้ นายธีระพงษ์ ปีตวัฒนกุล ทนายความส่วนตัวของครูปุ้ม เปิดเผยภายหลังว่า คดีนี้ได้สืบพยานทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยเสร็จแล้ว ซึ่งศาลได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 17 ธ.ค.63 เวลา 10.00 น. โดยส่วนตัวในฐานะทนายความไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร แต่ก็หวังว่าเราจะได้รับความยุติธรรม ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่ทางครูชลธี ฟ้องหย่าและขับไล่ครูปุ้มออกจากบ้าน และยังขอทรัพย์สินคืน เช่น กระเป๋า รถยนต์ เป็นต้น

Advertisement

พร้อมกันนี้ นายธีระพงษ์กล่าวยืนยันกับสื่อมวลชนว่า ในการนัดไกล่เกลี่ย รวมถึงนัดสืบพยานทั้งฝั่งโจทก์และฝั่งจำเลย ทั้ง 2 วันที่ผ่านมา ไม่ได้มีเหตุการณ์ทะเลาะ มีปากเสียง หรือเหตุชุลมุนภายในศาลอย่างที่สื่อบางสำนักได้นำเสนอข่าวออกไปแต่อย่างใด การสืบพยานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ขณะเดียวกัน นางศศิวิมลเปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตลอด 30 ปีที่เราอยู่กันมา ครูชลธีใช้คำว่าไล่เราออกจากบ้าน และแม้แต่กระเป๋ายี่ห้อหลุยส์วิตตอง สร้อยคอ นาฬิกาโรเล็กซ์ ครูเรียกคืนหมด แม้แต่ทรัพย์ที่มีอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีครูก็ขอแบ่ง นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความรู้สึกเจ็บปวดมาก หากเป็นความผิดของตน ตนจะยอมรับผิดและเดินออกจากตรงนี้ไป แต่ความผิดไม่ได้เกิดจากตน แต่เกิดจากอะไร สังคมรู้ดี ซึ่งตนไม่ได้รู้สึกหนักใจ เพราะความจริงก็คือความจริง โดยตนจะทำคดีนี้ให้เป็นคดีตัวอย่างของผู้หญิงไทยที่ต้องสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต และเราต้องอยู่ให้ได้

นางศศิวิมลกล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องใหม่ๆ ตนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ผอมลง และอยากฆ่าตัวตาย เพราะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว สำหรับลูกครูชลธีทั้งสองคน ยังไปมาหาสู่ตนตลอด และยังดูแลกันตลอดมา มีการส่งเสียเงินทองให้เขายามที่ขัดสน ขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงครูชลธี และเป็นห่วงชื่อเสียงครูชลธี อยากให้ท่านกลับมาสง่างามอีกครั้ง และเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของครูชลธี ซึ่งปัจจุบันสุขภาพไม่ดี เดินไม่ค่อยไหว ตนเห็นครูชลธีมาสองวันแล้วน้ำตาไหล เพราะครูชลธีไม่สดชื่นเหมือนที่ผ่านมา ตนได้เอ่ยปากให้ครูชลธีกลับบ้าน แต่ครูชลธีก็ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว

“พร้อมให้อภัยครูชลธีเสมอ และมั่นใจและเชื่อใจตัวเองว่าไม่มีใครรักครูชลธีโดยไม่หวังผลตอบแทนเหมือนตัวเอง และลูกๆ อีก 2 คน เพราะตั้งแต่ครูชลธีออกจากบ้านไปพบว่าทรัพย์สินหมดไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากตัวเองแพ้คดีก็จะใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ในคดีให้ถึงที่สุด เพราะต้องการความยุติธรรม ทั้งนี้ ครูชลธีนำบาดแผลที่เป็นโรคประจำตัวมาอ้างว่าถูกตนเองทุบตีและทำร้ายร่างกาย จากสาเหตุของการหึงหวง ซึ่งแท้ที่จริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น และยังกล่าวหาว่าตนด่าทอครูชลธีในงานคอนเสิร์ตหนึ่ง ซึ่งมีพยานยืนยันว่าไม่มีการด่าทอครูชลธีเกิดขึ้นตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด และไม่มีทางเกิดขึ้นได้ เพราะตนก็เป็นครู และการที่จะด่าสามีที่เป็นคนที่ตนรักยิ่งกว่าพ่อ และไม่มีผู้ชายคนไหนที่ตนดูแลเท่าครูชลธี

“อยากฝากถึงครูชลธีและคนใกล้ตัวครูชลธีว่า ให้ช่วยบอกครูชลธีว่าตอนนี้สังคมเขามองมาอย่างไร ขณะที่ครูชลธีอยู่กับตน มีความสง่างามแค่ไหน รางวัลอะไรบ้างที่ได้รับ อาทิ รางวัลศิลปินแห่งชาติ รางวัลผู้ทรงคุณค่า รางวัลบุคคลตัวอย่าง รางวัลพ่อตัวอย่าง เป็นต้น แต่ตั้งแต่มีข่าวนี้ออกมา ภาพของครูชลธีในหน้าสื่อแทบไม่มีเลย ซึ่งไม่รู้ว่าครูชลธีได้รับรู้รับทราบหรือเปล่า” นางศศิวิมลกล่าว

กรณีที่มีกระแสข่าวว่า ลูกๆ ครูชลธีเป็นคนหัวอ่อน และถูกล้างสมองนั้น นางศศิวิมลยืนยันว่าไม่เป็นความจริง คนโตอายุ 45 คนเล็กอายุ 38 ปี ซึ่งเมื่อลูกทั้งสองได้อ่านข่าว ก็ไม่สบายในในเรื่องนี้ และขอเลือกทำให้สิ่งที่ถูกต้อง และขอให้รับโทรศัพท์หรือโทรกลับลูกทั้งสองคนด้วย เพราะลูกพยายามติดต่อครูชลธีมานานหลายเดือนแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้

นางศศิวิมลกล่าวว่า ตนพร้อมให้อภัยครูชลธีเสมอ ขอให้ครูชลธีกลับบ้านธารทอง ซึ่งเป็นบ้านที่ครูชลธีรักมาก ขอให้กลับมา ตนยินดีที่จะดูแลท่าน โดยไม่ต้องอยู่ในฐานะสามีภรรยาก็ได้ และตนจะดูแลในฐานะที่ท่านเป็นปูชนียบุคคลของชาติ อยากให้ครูชลธีกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม และหากศาลพิพากษายกฟ้องจะมีผลต่อการเป็นศิลปินแห่งชาติหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้ แต่ก็เป็นห่วงอยู่

อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ยอมหย่าเด็ดขาด ไม่ได้เป็นเพราะห่วงสมบัติหรือลิขสิทธิ์เพลงของครูชลธี เพียงแต่เป็นห่วงกลัวว่าหากตนหย่าขาดกับครูชลธีไปแล้ว ครูชลธีก็อาจจะไปจดทะเบียนแต่งงานกับหญิงคนอื่น และอาจจะทำให้ลูกทั้งสองคนของครูชลธีไม่ได้รับประโยชน์จากรายได้และลิขสิทธิ์เพลงของครูอย่างที่ควรจะเป็น เพราะตั้งแต่ครูชลธีเริ่มมีข่าวและไม่ได้อยู่ที่บ้านกับตนมาเป็นเวลาเกือบ 3 ปีนั้น พบว่าเงินรายได้จากค่าลิขสิทธิ์เพลงและเงินรายได้ต่างๆ ของครูชลธีหายไปหลายล้านบาท ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าครูนำเงินไปทำอะไร หรือนำไปให้ใคร แต่หากครูชลธีต้องการที่จะหย่าขาดกับตนจริงๆ ตนก็ได้ยื่นข้อเสนอไปแล้วว่าให้ครูชลธีเซ็นหนังสือยกบ้านที่อำเภอท่าม่วง รวมถึงลิขสิทธิ์เพลงต่างๆ ให้กับลูกทั้งสองคนของครูชลธี และจะต้องแบ่งผลประโยชน์เรื่องลิขสิทธิ์เพลงตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาให้กับตนที่ไม่เคยได้รับเลยด้วย แต่ข้อเสนอดังกล่าวครูชลธี ก็ไม่ตกลงจนนำมาสู่การฟ้องหย่า แบ่งสินสมรสดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี ได้เริ่มทำการไกล่เกลี่ยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตั้งแต่เวลา 09.00 น. ไปจนถึงช่วงบ่ายแก่ๆ แต่ผลปรากฏว่าไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ ดังนั้น ศาลจึงเริ่มสืบพยานฝ่ายโจทก์ ประกอบด้วย ครูชลธี ธารทอง รวมทั้งพิธีกรรายการทีวีชื่อดังช่องหนึ่ง และญาติของครูชลธี รวม 3 ปาก จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. จึงแล้วเสร็จ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image