ช็อก! พบซากโลมาโดนชำแหละริมหาด ทช.เร่งพิสูจน์ซากสาเหตุตาย
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าว จ.ประจวบคีรีขันธ์ รายงานว่า ชาวบ้าน ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี พบซากปลาโลมาหัวบาตร ถูกชำแหละเนื้อและหนังที่บริเวณชายหาดใกล้กับอุทยานท้าวโกษา ต่อมาเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบริหารทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ไปตรวจซากปลาโลมาดังกล่าว เพื่อหาสาเหตุการตาย พร้อมพิสูจน์ว่าซากโลมาถูกชำแหละไปบริโภคหรือไม่ตามกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หรือถูกสัตว์ทะเลกัดแทะ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยอมรับว่าการควบคุม ตรวจสอบ หรือห้ามชาวประมงจับปลาโลมาเป็นไปได้ยาก แต่ได้ขอความร่วมมือชาวประมงห้ามล่าเพื่อนำไปบริโภค เนื่องจากเป็นสัตว์สงวนหายากใกล้สูญพันธุ์
นายจิรศักดิ์ มีฤทธิ์ ชาวประมงพื้นบ้านอ่าวคั่นกะได หมู่ 3 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง ในฐานะอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล กล่าวว่า กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านเรือเล็กชายฝั่ง ไม่นิยมบริโภคโลมา เพราะผิดกฎหมาย หากนำขึ้นมาบนเรือ แม้ว่าจะพบโลมาขณะทำการประมงหรือลากอวน โลมาหลายตัวจะว่ายน้ำตามเรือ และหากพบเห็นติดอวนชาวประมงจะช่วยเหลือ สำหรับสาเหตุการตายของโลมาจะเกิดจากการกินขยะทะเลซึ่งมีเป็นจำนวนมาก และติดอวนของชาวประมง ทำให้มีบาดแผล
“ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าโลมาถูกชำแหละนำเนื้อไปกินคาดว่า เป็นฝีมือของลูกเรือประมงพาณิชย์ เนื่องจากต้องออกทะเลหลายวัน มีอุปกรณ์ในการประกอบอาหารในเรือ ลูกเรือส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวที่ชอบจับกินเป็นอาหาร และที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่บุกจับเรือประมงพาณิชย์ที่แรงงานชาวเมียนมาลักลอบนำโลมามาแล่ชำแหละแช่เย็นไว้รับประทานที่บริเวณสะพานปลา” นายจิรศักดิ์ กล่าว
นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยาการธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปนำซากโลมา มาพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า โลมาตัวดังกล่าวตายจากสาเหตุอะไร ซึ่งจากประสบการณ์คาดว่าโลมาน่าจะป่วยตายมาก่อน และอาจจะมีคนงานหรือลูกเรือมาแล่เนื้อไปกิน แล้วทิ้งซากลงทะเล ที่สันนิษฐานแบบนี้ เนื่องจากมีความมั่นใจ เพราะว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มีการตรวจตรากันอย่างแข่งขัน ที่สำคัญ โลมาเป็นสัตว์ที่จับยาก มีความรวดเร็วสูง และชาวประมงไม่มีใครนิยมบริโภคเนื้อโลมาเป็นอาหาร
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องรอผลการพิสูจน์จากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์อีกครั้งว่า โลมาตัวดังกล่าวตายด้วยสาเหตุอะไร
โดยเมื่อเวลา 19.00 น. นายโสภณ ให้สัมภาษณ์ “มติชนออนไลน์” ว่า ขณะนี้ผลการพิสูจน์ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ สัตวแพทย์ของทช.ได้แจ้งมาแล้วว่า พบรอยฟกช้ำบริเวณหัวของโลมา ซึ่งวินิจฉัยได้ว่า โดนเครื่องมือขนาดใหญ่กระแทก สิ่งสำคัญคือต้องพิสูจน์ว่า การถูกแล่เนื้อนั้น ถูกตีหัวก่อนแล้วค่อยแล่ใช่หรือไม่ ตามคำสันนิษฐานของสัตวแพทย์คือ “ใช่” เพราะตรวจสอบอวัยวะภายในแล้วพบว่า อวัยวะภายในยังสมบูรณ์ ไม่เหมือนสัตว์ที่ตายโดยธรรมชาติ จึงยืนยันว่า โลมาตัวนี้ ตายมาก่อนคนมาพบซาก แล้วจึงนำมาแล่