อดีตเลขาฯหอการค้าอีสาน หวั่นพิษ ศก.เป็นชนวนแตกหักทางการเมือง แนะผู้มีอำนาจอดกลั้น

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ อดีตเลขาธิการหอการค้าภาคอีสานและที่ปรึกษาหอการค้านครราชสีมา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของไทยยังตกลงเรื่อยๆ ซึ่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยยืนยันว่าการแก้ไขยากเพราะต้องใช้เวลา หากเปรียบกับต้มยำกุ้งน่าจะหนักกว่ามาก เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจไม่ดี ยังมีเรื่องโควิด-19 ที่ยังหาวัคซีนอยู่ คาดว่าอาจใช้ได้ราวกลางปีหรือปลายปีหน้า ที่สำคัญที่สุดคือเสถียรภาพทางการเมืองที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ม็อบเยาวชนชุมนุมกันติตต่อมา 30 วัน รัฐบาลยังแก้ไขไม่ได้

นายทวิสันต์กล่าวว่า ส่วนการท่องเที่ยว สมาคมด้านการท่องเที่ยวรายงานว่าไตรมาสแรกของปีหน้าจะมีคนในระบบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตกงาน 2 ล้านคน อีกทั้งรัฐวิสาหกิจมีปัญหา ทั้งการบินไทยที่ล้มละลาย และขณะนี้ขาดทุนสะสมถึง 5 หมื่นล้านบาทแล้ว ล่าสุดธนาคารกรุงไทยไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ จะมีผลต่อระบบเงินฝากของธนาคาร เพราะส่วนราชการอาจถอนเงินไปฝากธนาคารทั่วไปได้ พนักงานของธนาคารเริ่มกังวลใจในความมั่นคง เพราะฉะนั้นปัญหาเศรษฐกิจถือเป็นปัญหาสำคัญในเวลานี้ และอาจเป็นชนวนแตกหักทางการเมืองได้เช่นกัน

นายทวิสันต์กล่าวอีกว่า การชุมนุมของม็อบเยาวชนที่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งฝ่ายความมั่นคงคาดว่ามีคนมาร่วมระดับหมื่นเศษๆ ตำรวจใช้กำลังถึง 5,000 นาย ในการควบคุมสถานการณ์ ซึ่งการชุมนุมที่เกิดขึ้นนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศกำลังจับตาดูอยู่ เพราะกรุงเทพฯคือศูนย์กลางของประเทศไทย ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จะมีผลกระทบต่อประเทศ เราต้องอย่าให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ผู้มีอำนาจหน้าที่ต้องอดกลั้นให้ได้ เพราะถ้าเกิดความรุนแรงขึ้นจะเป็นผลลบมากกว่าผลบวก

“การแก้ปัญหาความขัดแย้ง คนที่จะแก้ต้องรู้ก่อนว่าตัวเราเป็นคู่ขัดแย้งกับเขาหรือเปล่า เพราะถ้าไม่รู้ ไม่เข้าใจ จะเข้าไปเป็นกรรมการห้ามมวยโดยคิดว่าตัวเองไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ใครจะเชื่อถือ ถ้าเล่นผิดบท การแก้ไขความขัดแย้งจะไม่มีวันสำเร็จ การแก้ความขัดแย้งต้องเริ่มต้นด้วยความจริงใจก่อน เช่น การรักษาคำพูด เมื่อพูดว่าไม่ก็ต้องไม่ ถ้าปากกับใจไม่ตรงกัน จะมาสมานฉันท์กันคงยากมาก” นายทวิสันต์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image