ระนองเตรียมพื้นที่นำร่องครอบครอง-เสพพืชกระท่อม (ชมคลิป)

ระนองเตรียมพื้นที่นำร่องครอบครอง-เสพพืชกระท่อม

หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้พิจารณากำหนดพื้นที่นำร่อง เสพ และครอบครองพืชกระท่อมได้ โดยไม่เป็นความผิดตาม ม. 58/2 จำนวน 135 ชุมชน/หมู่บ้าน ใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งพื้นที่ 5 หมู่บ้านในตำบลละอุ่นเหนือ จังหวัดระนอง อยู่ในกลุ่มพื้นที่นำร่องซึ่งได้รับการพิจารณาด้วย

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 63 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตำบลละอุ่นเหนือ เพื่อดูการทำงานและเตรียมความพร้อมในการนำพื้นที่เข้าสู่พื้นที่นำร่อง พบว่าที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านปากแพรก ตำบลละอุ่นเหนือ มีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 8 ร่วมกับผู้ใหญ่บ้านทั้ง 5 หมู่ คณะกรรมการหมู่บ้าน และคณะทำงานกำลังตรวจสอบและบันทึกข้อมูลการปฏิบัติหน้าที่

นายวุฒิพงษ์ เมืองแก้ว นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 8 / ผู้ประสานงานจ.ระนอง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีหลายพื้นที่ในจังหวัดระนองที่ได้เสนอตัวเพื่อเข้าสู่การพิจารณาให้เป็นพื้นที่ต้นแบบ ในการเสพและครอบครองพืชกระท่อมได้โดยไม่มีความผิดตาม ม.58 แต่ทาง ป.ป.ส.ได้เลือก 5 หมู่บ้านในตำบลละอุ่นเหนือ เนื่องจากมีความพร้อมและเข้าเงื่อนไขในทุกด้าน เริ่มจากเป็นพื้นที่ที่เคยมีการปลูกและเสพพืชกระท่อมตามวิถีชีวิตดั้งเดิมมาก่อน แล้วจึงมาพิจารณาถึงการเป็นชุมชนเข้มแข็ง สามารถทำงานและได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ อาทิ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง รวมถึงสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี มีประวัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยกลไกกองทุนแม่ของแผ่นดินได้เห็นผลเป็นที่ประจักษ์ และที่สำคัญคือประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในพื้นที่ อันจะเห็นได้จากการที่หมู่บ้านได้รับรางวัลในการปฏิบัติหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง

Advertisement

“การเป็นพื้นที่ต้นแบบต้องปฏิบัติภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด คือต้องเสพตามวิถีดั้งเดิม คือเคี้ยวใบ หรือต้มน้ำดื่ม การครอบครองกระท่อมได้ไม่เกิน 3 ต้น หากมีมากกว่านี้ต้องตัดโค่น การพกพาและเสพกระท่อมได้ไม่เกินวันละ 30 ใบ ซึ่งผู้เสพและผู้ครอบครองต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น ไม่สามารถนำออกไปนอกพื้นที่ได้ รวมถึงไม่สามารถจำหน่าย หรือให้ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนมาเสพได้ ซึ่งหากปฏิบัตินอกเหนือข้อกำหนดซึ่งเรียกว่าธรรมนูญหมู่บ้าน ทางเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการจับกุมได้เช่นกัน ซึ่งหากถามว่า 5 หมู่บ้านในพื้นที่ตำบลละอุ่นเหนือมีความพร้อมหรือไม่ บอกได้เลยว่ามีความพร้อม 100% แล้ว” นายวุฒิพงษ์ กล่าว

นางพัชรี หีดรอด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านปากแพรก ต.ละอุ่นเหนือ เล่าให้ฟังว่า คนดั้งเดิมในพื้นที่เคยมีการปลูกและกินกระท่อมกันเป็นปกติตามวิถีชุมชน โดยจะกินกันเพื่อเป็นสมุนไพรและบำรุงกำลังในการทำงาน ซึ่งตนก็เห็นว่ามันไม่ได้เป็นพิษภัยอะไร การขับเคลื่อนให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่นำร่อง ในการเสพและครอบครองพืชกระท่อมได้จึงน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า ซึ่งโดยภาพรวมแล้วชุมชนของเรามีความเข้มแข็ง มีการทำงานร่วมกันกับทุกหมู่บ้าน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยกลไกกองทุนแม่ของแผ่นดิน มีการตั้งด่านตรวจของหมู่บ้านต่อหมู่บ้านในการดูแลและควบคุมกันเอง รวมถึงมีคณะกรรมการหมู่บ้านที่ช่วยเหลือ และขับเคลื่อนการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ในนามของตำบลมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการบูรณาการร่วมกันในการทำงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย ซึ่งการดำเนินการในการเป็นพื้นที่นำร่อง ก็ต้องเป็นไปตามธรรมนูญตำบลที่มีการกำหนดขึ้นมาด้วย

ทางด้านนายบุญเจือ สุดทอง อดีตกำนันตำบลละอุ่นเหนือ เล่าให้ฟังว่า เดิมทีคนพื้นเพในตำบลละอุ่นเหนือ จะกินใบกระท่อมกันเป็นวิถีดั้งเดิม เมื่อกินแล้วก็จะมีเรี่ยวแรงและอดทนในการทำงาน และไม่ค่อยนึกอยากดื่มสุรากันมากนัก เมื่อเลิกงานก็จะกลับบ้าน กินข้าว ดูทีวี และพักผ่อน ไม่ค่อยออกไปสังสรรค์เฮฮากันมากนัก โดยตนเองมองว่าการกินกระท่อมทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น เห็นได้จากการที่ตนกินกระท่อมแล้วมีความขยันในการทำงาน และไม่นึกอยากดื่มเหล้า จนสามารถสร้างครอบครัวและเลี้ยงดูลูกจนจบปริญญาตรีมา 3 คนแล้ว และที่สำคัญคนที่เมากระท่อมจะไม่มีความรุนแรง เวลาเมียบ่นหรือลูกพูดจาอะไรก็จะฟังได้หมด ไม่เครียดไม่ใจร้อนเหมือนตอนดื่มเหล้าเมา ฟังอะไรก็รู้สึกสะดุดหูสะดุดตาไปหมด ซึ่งตนเองกินมา 30 ปีแล้ว ตอนนี้อายุ 64 ปีแล้วร่างกายก็ยังแข็งแรงดีอยู่ และมองว่าหากกระท่อมได้รับการยกเว้นก็จะได้รับผลดีมากกว่า แต่ที่ผ่านมาพวกเด็กวัยรุ่นที่นำเอากระท่อมไปต้มและผสมสารอย่างอื่น เช่นสี่คูณร้อย ทำให้ดื่มเข้าไปแล้วทำจิตใจผิดเพี้ยน จึงทำให้ส่งผลลบพืชกระท่อมไปด้วย

Advertisement

สำหรับการขับเคลื่อนพื้นที่นำร่องทาง ป.ป.ส. ได้ดำเนินการภายใต้โครงการศึกษาวิจัย เรื่องการศึกษารูปแบบการควบคุมพืชกระท่อมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน : กรณีศึกษาพื้นที่เตรียมการเพื่อรองรับมาตรา 58/2 แห่ง พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 โดยต้นกระท่อมทั้งหมดนั้น ป.ป.ส. เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ครอบครอง และทำการแจ้งสถานที่ครอบครองเอาไว้ โดยการออกหนังสืออนุญาตโดยกองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประกาศกฎกระทรวงของกระทรวงสาธารณสุข ก่อนจะนำพื้นที่นำร่อง 135 หมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อเสนอขอมติรัฐมนตรีต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image