ตร.เผยหนุ่มมือมีดเสพยาบ้ามา ตัดสินใจไม่พาไปทำแผน หวั่นโดนประชาทัณฑ์

ตร.เผยหนุ่มมือมีดเสพยาบ้ามา ตัดสินใจไม่พาไปทำแผน หวั่นโดนประชาทัณฑ์

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 6 ธันวาคม ที่ห้องประชุมคำชะโนด ชั้น 2 อาคาร 2 ศาลากลาง จ.อุดรธานี นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี, รอง ผวจ.อุดรธานี, นายก ทน.อุดรธานี, ผอ.รพ.อุดรธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมศูนย์ปฏิบัติการกรณีพิเศษ ติดตามเหตุนายอิธิพล อิ่มผึ่ง อายุ 31 ปี ราษฎร บ.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ใช้อาวุธมีดไล่ทำร้ายผู้คนตามถนนในเขต ทน.อุดรธานี เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 6 คน เมื่อบ่ายวานนี้ (5 ธ.ค.63)

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี แจ้งที่ประชุมว่า ผู้ต้องหาก่อเหตุ 7 ครั้ง เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 6 ราย จุดแรกสี่แยกหลังเรือนจำเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย จากนั้นเลี้ยวรถไปตามถนนนเรศวร ก่อเหตุหน้าร้านเรื่องของปู แล้วขี่ จยย.ย้อนกลับมาสี่แยกเดิม เลี้ยวซ้ายไปตามถนนศรีชมชื่น มาก่อเหตุอีกที่หน้ามัสยิด จากนั้นขี่ จยย.ไปก่อเหตุหน้า ร.ร.บ้านหมากแข้ง ถนนอำเภอ จากนั้นเลี้ยวขวามาตามถนนศรีสุข ผ่านอนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ฯ เข้ามาถนนสุรการ ก่อเหตุก่อนถึงสี่แยกท็อปเวิร์น เสียชีวิตรายที่ 2 จากนั้นขี่ จยย.ไปก่อเหตุต่อที่หน้าทางเข้ามูลนิธิส่งเสริมธรรม ถนนโพศรี และที่หน้าธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถ.ประจักษ์ จนมาถูกตำรวจจับกุมได้ก่อนถึงวงเวียนเฉลิมพระเกียรติ ถ.ประจักษ์ฯ

“ได้พูดคุยกับผู้ต้องหา ไม่พบมีอาการทางประสาท โดยเจ้าตัวระบุว่าเสพยาบ้ามา จึงได้ส่งตัวมาตรวจที่ รพ.อุดรธานี ทั้งตรวจสารเสพติด และสารมึนเมาอื่นๆ ยังต้องขอผลการตรวจอยู่ รวมทั้งให้แพทย์จิตเวชตรวจ ก็ไม่พบอาการทางจิต ช่วงเกิดเหตุอ้างจำอะไรไม่ได้ ได้สอบถามถึงสาเหตุ เพราะผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นหญิง 7 คน ชายเพียงคนเดียว แต่ยังไม่รู้ถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยตำรวจจะไม่เอาตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ เพราะชาวบ้านยังมีอารมณ์โกรธแค้นอยู่”

พญ.ฤทัย วรรธนวินิจ ผอ.รพ.ศูนย์อุดรธานี และจิตแพทย์ รพ.ศูนย์อุดรธานี ระบุว่า ผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับการรักษา จากอาการบาดแผลที่เกิดขึ้น อนุญาตให้เดินทางกลับบ้าน พร้อมเสนอให้ลดความโกรธของสังคม และหาทางป้องกัน ส่วนการตรวจผู้ต้องหาทางจิตเวช ที่อ้างว่าเคยเข้ารับการรักษาอาการทางจิต ตรวจสอบไม่พบประวัติที่อุดรธานี และที่อ้างว่าไปตรวจรักษาที่ จ.ปราจีนบุรี ก็ตรวจสอบไปไม่พบประวัติการรักษาเช่นกัน การตรวจสภาพทั่วไปไม่พบอาการป่วยทางจิต และได้นัดตรวจอีกครั้งในวันจันทร์

Advertisement

นพ.ทวีรัชต์ ศรีกุลวงษ์ รองนายแพทย์ สสจ.อุดรธานี ชี้แจงว่า การให้ความช่วยเหลือใน 3 ส่วน 1.การรักษาอาการบาดเจ็บต่อเนื่อง ทั้งใน รพ.อุดรธานี และการส่งต่อไปยัง รพ.ชุมชน, 2.การดูแลช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และครอบครัว ในเรื่องสุขสภาพจิตต่อเนื่อง และ 3.การแก้ปัญหาสังคมโกรธแค้นจากปัญหายาเสพติด

ขณะที่ พมจ.อุดรธานี และบ้านพักเด็กอุดรธานี แจ้งได้ติดตามหลังเกิดเหตุ ญาติผู้เสียชีวิตยังไม่สะดวกให้ข้อมูล จะได้ติดตามให้ความช่วยเหลือเยียวยาวันนี้ รวมทั้งออกเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย ส่วนยุติธรรม จ.อุดรธานี แจ้งว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับสิทธิ เงินทดแทนจากกองทุนยุติธรรมไม่เกิน 110,000 บาท รวมทั้งเหล่ากาชาดอุดรธานีเตรียมเดินทางให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบทุกราย

นายสยาม ศิริมงคล ผวจ.อุดรธานี กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดก็ต้องมาช่วยกันดูแล โดยเฉพาะครอบครัวที่รับผลกระทบ ทั้งในฐานะของหน่วยงานรัฐ ที่ต้องให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว มอบหมายรองผู้ว่าฯปราโมทย์ ธัญพืช เป็นผู้ดูแล และในฐานะเราเป็นคนในชุมชน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องข้าวของเงินทอง แต่หมายรวมทั้งเรื่องจิตใจ เมื่อผู้รับผลกระทบเสียใจ เราจะต้องเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ส่งคนไปอยู่กับเขา คนอุดรธานีมาร่วมให้กำลังใจกัน สำหรับงานศพของผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้ว่าราชการจังหวัดฯจะขอเข้าไปดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายเตชวัฒน์ งามปัญญา อายุ 37 ปี หรืออาจารย์เต หมอธรรม ได้เดินทางมาที่ชุดปฏิบัติการ 191 สภ.เมืองอุดรธานี ทำพิธีถอดคุณวิชาอาคมออกจากตัวนายอิธิพล ด้วยการนำมีดหมอมาแช่น้ำมนต์ และทำพิธีสวดถอดวิชาอาคมที่อยู่ในตัวนายอิธิพล เสร็จแล้วนำน้ำแช่มีดหมอให้นายอิธิพลดื่ม ซึ่งนายอิธิพลมีอาการปกติ สามารถตอบคำถามอาจารย์เตได้ ซึ่งนายอิธิพลเล่าว่า ได้สักหนุมาน เก้ายอด อักขระ เลขยันต์ จากเกจิ พระ และหมอจากเขมร

อาจารย์เตเปิดเผยว่า ตำรวจให้มาดูผู้ต้องหาเนื่องจากผิดปกติ ทั้งตรวจไม่พบสารเสพติดในร่างกาย ไม่พบอาการทางประสาท และผู้ต้องหาซึ่งมีรูปร่างเล็ก แต่กลับมีพละกำลังมากผิดธรรมชาติ ต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมากจึงควบคุมตัวได้ ผู้ต้องหายอมรับว่าได้สักวิชาอาคม ลงอักขระ เลขยันต์ รับวิชามาจากหลายอาจารย์ แต่รักษาวิชาที่เรียนมาไม่ได้ บวกกับวันเกิดเหตุเป็นวันเสาร์ 5 ซึ่งผู้มีวิชาอาคมถือว่าเป็นวันแรง

“ผู้ต้องหาก็เช่นเดียวกัน รับวิชาอาคมมา แต่รักษาของไม่ได้ ละเลยการบูชา ไม่ปฏิบัติตามกฎข้อห้าม ทำให้รักษาของไม่ได้ เมื่อถึงวันเสาร์ 5 เมื่อมีคนสวดบูชาอาคม ของที่อยู่ในตัวก็จะขึ้น จนทำอะไรลงไปแบบไม่รู้ตัว จึงมาถอดของจากตัวผู้ต้องหา เพื่อหนักจะได้เป็นเบา เพราะขณะควบคุมผู้ต้องหา พัดลมที่อยู่ในห้องช็อตเสียหาย 3 เครื่องไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สบายใจ เรียกมาทำพิธีถอดอาคม พอถอดเสร็จกำลังได้อ่อนลง ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนตัว”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image