สาว 28 โกงงบจังหวัด 40 ล้าน ส่อรอดคุกอีก 4 เดือน หลังอัยการนัดฟังคำสั่งฟ้องปีหน้า

3 ผู้ต้องหาคดีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดประจวบฯโกง 40 ล้าน ส่อรอดคุก 4 เดือน หลังอัยการคดีทุจริตภาค 7 นัดฟังคำสั่งฟ้องปีหน้า

จากกรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี อดีตพนักงานราชการ สำนักงาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ ปลอมเอกสารของทางราชการ ใช้เอกสารปลอม เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2563 หลังจากนำเงินงบประมาณของทางราชการกว่า 40 ล้านบาท โอนผ่านระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS เข้าบัญชีส่วนตัว และพบการกระทำความผิด 165 ครั้ง โดยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่านำเงินไปเล่นพนันออนไลน์ ต่อมาพนักงานอัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จ.สมุทรสงคราม มีคำสั่งปล่อยตัว น.ส.ขนิษฐา หอยทอง พ้นการคุมขังที่เรือนจำกลาง จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2563 เนื่องจากอัยการฯยังไม่รับฟ้องคดี หลังครบกำหนดฝากขังครั้งละ 12 วัน จำนวน 7 ผัด รวม 84 วัน ทำให้ น.ส.ขนิษฐาได้รับการปล่อยตัวนาน 3 เดือน

วันที่ 13 ธันวาคม นายสุวรรณ ทองกรอย ประธานสภาทนายความ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนการสอบสวน ส่งให้พนักงานอัยการฯแล้ว โดยนำผู้ต้องหา 3 ราย ไปรายงานตัวประกอบด้วย น.ส.ขนิษฐา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา นางสาวสายพิณ ดิบดี พร้อม มารดา น.ส.ขนิษฐา และนางประชิต วงศ์ประภารัตน์ หัวหน้างานการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัด ซึ่งถูกแจ้งดำเนินคดีในข้อหาตามมาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญา ล่าสุด พนักงานอัยการฯยังไม่มีคำสั่งฟ้อง ผู้ต้องหาทั้งหมดจึงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว สำหรับตนในฐานะทนายความของนางสาวสายพิณซึ่งให้การปฏิเสธ ได้รับแจ้งว่าพนักงานอัยการฯนัดรับฟังคำสั่งฟ้องในวันที่ 26 มกราคม 2564 โดยพนักงานสอบสวนจะนำผู้ต้องหาไปรายงานตัว หากวันดังกล่าวยังไม่สามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องศาลเพื่อทำการไต่สวน เนื่องจากมีเอกสารหลักฐานประกอบสำนวนคดีจำนวนมาก ผู้ต้องหาก็จะได้รับการปล่อยตัวอีกครั้ง

นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากจังหวัดส่งรายงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการทุจริต ส่งถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ขณะนี้กระทรวงฯมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจากส่วนกลางเพื่อสอบสวนทางวินัยกับข้าราชการระดับสูงที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยหัวหน้าสำนักงานจังหวัด หัวหน้างานการเงิน หรือเจ้าหน้าที่รายอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยคณะกรรมการฯของกระทรวงฯจะสอบเพิ่มเติมในบางประเด็นก่อนมีผลสรุปว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าข่ายประมาทเลินเล่อมีความผิดวินัยร้างแรงหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน จากนั้นจะสอบสวนทางละเมิดเพื่อชดใช้ความเสียหายให้กับทางราชการ

นายพัลลภกล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าคดีนี้จะต้องมีผู้ต้องหาเพิ่ม ซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงบางราย ก็เป็นดุลพินิจของพนักงานอัยการฯจะสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการเพิ่มเติมหรือไม่ ส่วนปัญหาที่มีการตรวจสอบเช็คเบิกจ่ายบางฉบับกับธนาคารแห่งหนึ่ง หากพบมีการลงลายมือชื่อปลอม ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทางกฎหมาย หากพบเป็นความผิดจากการทำธุรกรรมการเงินโดยใช้เอกสารปลอมธนาคารจะต้องร่วมรับผิดชอบ และจังหวัดในฐานะผู้เสียหายก็จะต้องไปแจ้งความ ส่วนตัวไม่หนักใจกับคดีนี้ ทุกขั้นตอนเป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ สำหรับหัวหน้าสำนักงานจังหวัดกับหัวหน้าการเงินยังไม่ถูกสั่งย้าย เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนเพิ่มเติม แต่สั่งการให้หัวหน้าการเงินไปทำหน้าที่อื่น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image