จากกรณีเกิดเหตุคนร้าย เป็นสามีภรรยาทะเลาะวิวาท โดยสามีกักขังภรรยาไว้ในบ้าน บริวณหลังวัดคลองพน พื้นที่หมู่ 6 บ้านพรุใหญ่ ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทรายขาว จึงได้เข้าตรวจสอบ ทำให้คนร้ายซึ่งเป็นสามีใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 1 นาย คือ ร.ต.ท.ทรงฤทธิ์ หนูสาย เจ็บหนักส่ง รพ.กระบี่ และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ถูกยิงได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน รวมบาดเจ็บ 2 ราย ส่วนคนร้ายหลังก่อเหตุได้หลบหนีออกจากพื้นที่ จ.กระบี่ และหลบหนีเข้ามาในพื้นที่ จ.ตรัง ด้วยรถเก๋ง สีขาว ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน หมวด จ.เพชรบุรี พร้อมด้วยอาวุธปืนสั้นและปืนยาวมาในรถด้วย
ต่อมากำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังรับการประสานมาจาก สภ.ทรายขาว จ.กระบี่ จึงได้ตั้งจุดสกัดบริเวณสี่แยกอันดามัน ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 4 มกราคม ปรากฏว่าระหว่างที่ตั้งจุดตรวจสกัดอยู่นั้นได้พบรถยนต์ต้องสงสัย เป็นรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน รุ่นอัลเมร่า สีขาว ทะเบียน กธ 7693 กระบี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าน่าจะเป็นรถต้องสงสัยคันเดียวกับที่ก่อเหตุ จึงใช้อาวุธปืน ทั้งปืนสั้นยาวกระหน่ำยิงใส่ และเข้าตรวจสอบรถอย่างทันที โดยรถมีร่องรอยคมกระสุนเจาะเข้าจำนวนหลายจุดทั้งคัน ยางล้อหลังทั้ง 2 เส้นแตก
พบภายในรถโดยสารกันมาจำนวน 3 ราย โดยมีนายสุทธิราช หมาดแดหว่า อายุ 38 ปี อาชีพขับรถส่งของ ชาว ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เป็นคนขับรถ และคนนั่งข้างคือ น.ส.หนึ่งฤทัย วงศ์ประเสริฐ อายุ 29 ปี อาชีพเสมียนแพปลาแห่งหนึ่ง ใน จ.กระบี่ เป็นภรรยา ได้รับบาดเจ็บ ถูกเจ้าหน้าที่ยิงทะลุรถบริเวณประตูกระสุนเจาะเข้าต้นขาซ้าย ส่วนคนนั่งหลังคือ น.ส.สุดารัตน์ หมาดแดหว่า อายุ 24 ปี น้องสาวของนายสุทธิราช ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำร่างผู้บาดเจ็บคือ น.ส.หนึ่งฤทัย ส่ง รพ.ห้วยยอด พร้อมทำการควบคุมตัวนายสุทธิราช และ น.ส.สุดารัตน์ ไว้ ก่อนจะประสานไปยัง พ.ต.อ.ประดิษฐ ชัยพล ผกก.สภ.ห้วยยอด พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.(สอบสวน) และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ตรัง เข้าตรวจสอบ
ก่อนจะทำการตรวจสอบภายในรถ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด ส่วนนายสุทธิราช และ น.ส.สุดารัตน์ ที่ได้ถูกควบคุมตัวไว้นั้นอยู่ในอาการตื่นตกใจ และขวัญผวาเป็นอย่างมาก พร้อมยืนยันตลอดเวลาว่า ไม่ได้ก่อเหตุ หรือทำผิดกฎหมายมาแต่อย่างได จึงได้นำตัวทั้งคู่มาทำการสอบสวนที่ สภ.ห้วยยอด โดยทำการแยกกันสอบ โดยมีบรรดาญาติพี่น้องของผู้เสียหายต่างรีบเดินทางมาที่สถานีตำรวจ
เบื้องต้น มีการยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงผิดตัว โดยในขณะนี้ยังคงไม่ทราบตัวผู้ก่อเหตุที่แท้จริงว่าหลบหนีไปในเส้นทางใด
จากการสอบปากคำ นายสุทธิราชให้การว่า ตนเองขับรถออกจากบ้านในพื้นที่ ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เดินทางมายังสถานีรถไฟตรังเพื่อจะเดินทางไปอบรมที่ จ.สุราษฎร์ธานี ในวันพรุ่งนี้ โดยนำภรรยา มาพร้อมกับน้องสาวตนเอง เพื่อจะได้ขับรถกลับ แต่ตอนเกิดเหตุตนเองเห็นตำรวจยืนอยู่บริเวณสี่แยก ในใจคิดว่าน่าจะเกิดอุบัติเหตุ จึงทำการเปลี่ยนเลนและชะลอรถ แต่ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระหน่ำยิงเข้าอย่างจัง จนต้องหยุดรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามาควบคุมตัวทันที โดยที่ตนเองไม่ได้พูดอะไรแม้แต่น้อย และยืนยันว่าไม่ใช่คนร้าย
ด้านนายห้าสัน หมาดแดหว่า อายุ 58 ปี ชาว ต.คลองพน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ พ่อของนายสุทธิราช กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุตนไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก เพราะอยู่ที่บ้าน แต่ลูกชายอยู่บนถนน เท่าที่ฟังทราบว่าลูกชายกำลังเดินทางไปที่สถานีรถไฟตรังเพื่อที่จะไป จ.สุราษฎร์ธานี ไปกัน 3 คน มีลูกสะใภ้ ลูกชาย และน้องสาวอีกคนหนึ่งเพื่อนั่งเป็นเพื่อนกันขากลับ ก็เริ่มเดินทางวันนี้ เพราะพรุ่งนี้มีประชุม แต่ระหว่างทางตำรวจเกิดเข้าใจผิดคิดว่าลูกชายเป็นคนร้าย ได้ใช้อาวุธปืนยิงล้อรถทั้งสองข้าง ถูกลูกสะใภ้อีก
นายห้าสันกล่าวอีกว่า ลูกชายเป็นคนที่ไม่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ของมึนเมา แม้กระทั่งบุหรี่ก็ยังไม่สูบ จนรู้สึกเสียใจและน้อยใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำไมก่อนที่ตำรวจจะทำงานไม่ตรวจดูให้ดีก่อน เพราะทะเบียนรถก็ไม่เหมือนกัน รถของลูกชายเป็นป้ายจังหวัดกระบี่ แต่ของคนร้ายเป็นป้ายทะเบียนจังหวัดเพชรบุรี แต่บังเอิญว่ารถสีและยี่ห้อเหมือนกัน หลังจากนี้ก็จะขอคุยกับญาติก่อน แต่ยืนยันว่าจะมีการดำเนินคดี ไม่ให้เรื่องเงียบ เพราะตำรวจทำเกินกว่าเหตุ อีกทั้งลูกสะใภ้ต้องมาบาดเจ็บ และหยุดทำงาน ตลอดจนทรัพย์สินเสียหาย และรู้สึกจิตตกกันทั้งสิ้น โดยที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น และหวั่นว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ ให้กับผู้สื่อข่าว และอยู่ในระหว่างการสอบสวนผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ น.ส.หนึ่งฤทัย ภรรยานายสุทธิราช อยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว และอยู่ในระหว่างการไล่ล่าตัวผู้ก่อเหตุที่แท้จริง
