แหล่งอาหารเหลือน้อย ฝูงหมูป่าเขตสัตว์สงวนแม่น้ำภาชี บุกกินสับปะรดเสียหายหลายสิบไร่

 

วันที่ 17 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี อ.บ้านคา จ.ราชบุรี นายภคพัส  ส่งวัฒนายุทธ  นายอำเภอบ้านคา  นายประทีป  เหิมพยัคฆ์  หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี พร้อมหน่วยทหาร ตำรวจ คณะกรรมการที่ปรึกษา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนท้องถิ่น ร่วมประชุม ตามที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช มีนโยบายให้ความสำคัญสนับสนุนส่งเสริมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนเข้ามามีบทบาท และมีส่วนร่วมในขบวนการวางแผนการดำเนินงานและการติดตามประเมินผลจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ในพื้นที่คุ้มครองได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยมีหัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าทั้ง 8 หน่วย พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุมในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การกำหนดเก็บค่าเข้าชมธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี  การจัดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวชม เล่นน้ำบริเวณหน้าเขตรักษาพันธุ์ฯ ให้มีความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจแก่เด็กๆ และผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติเพิ่มอีกแห่ง

สำหรับการประชุมครั้งนี้ยังได้หยิบยกปัญหากรณีหมูป่าจำนวนมากเข้ามากัดกินหัวสับปะรดที่เกษตรกรปลูกในพื้นที่ หมู่ 7 และหมู่  9 ต.บ้านคา หลายสิบไร่ หลังจากพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง น้ำแห้งขอด ทำให้แหล่งอาหารของสัตว์ป่าลดลง มีเกษตรกรหลายรายได้นำเรื่องดังกล่าวมาเข้ามาสอบถามนายอำเภอบ้านคา ให้ช่วยหาวิธีการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับหมูป่าเข้ามากัดกินพืชไร่ของเกษตรกร

นายวายุกฤช ศรีสุนนท์  หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าวังครก พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ออกลาดตระเวนในพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าที่ได้มีการกันแนวเขตออกมาให้ชาวบ้านทำกินเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. พ.ศ.2541 พบว่าบริเวณไร่ปลูกสับปะรดในพื้นที่หมู่ 7 ต. บ้านคา มีร่องรอยเท้าของหมูป่าที่เข้ามากัดกินสับปะรดของชาวบ้านที่ได้ปลูกไว้เกือบหมดไร่ บ้างต้นถูกกัดแทะเหลือแต่แกนราก และถูกกัดยอดอ่อนขาดหายไปเหลืออยู่ครึ่งต้น เสียหายเป็นหย่อมๆ

Advertisement

รายงานระบุว่า ชาวบ้านบางคนหาวิธีการแบบภูมิปัญหาของตัวเอง ด้วยการใช้เสื้อผ้า กางเกงที่ผ่านการใช้แล้วไปผูกติดกับลวดที่ขึงติดบริเวณแนวเขตปลูกสับปะรด เพื่อให้หมูป่าเข้าใจว่ามีคนอาศัยอยู่ เพราะมีกลิ่นตัวของเสื้อผ้าที่แขวนผูกไว้ นอกจากนี้ ยังนำแผ่นซีดีเก่ามาผูกติดไว้เพื่อเวลาลมพัดจะมีแสงสะท้อนออกมา ทำให้หมูป่าไม่กล้าเข้ามาทำลายอีก

ด้านนายเอ บุญโชค ผู้ดูแลไร่สับปะรด เปิดเผยว่า ได้พยายามหาเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว และยังมีถุงกระสอบที่เป็นสี แผ่นซีดี มาผูกแขวนไว้บริเวณของไร่สับปะรด หลังจากเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วมีหมูป่าหลายตัวเข้ามากัดกินสับปะรดที่ปลูกไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่สับปะรดตอนนี้มีราคาแพงกิโลกรัมละ 25-30 บาท  ทำให้ขาดทุน ผลผลิตที่ปลูกไว้เสียหายลดลง ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงลองใช้วิธีนี้ ซึ่งจะได้ผลอยู่ประมาณ 2-3 เดือน เนื่องจากกลิ่นตัวของเสื้อผ้าทำให้หมูป่าเข้าใจว่ามีคนอยู่ในพื้นที่ ก็จะไม่เข้ามารบกวน เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลระยะหนึ่ง

ขณะที่นายวายุกฤชเปิดเผยว่า พื้นที่ดังกล่าวได้กันเขตให้ชาวบ้านทำกินเมื่อ 30 มิ.ย. 41 แต่ปัญหาที่ตามมา คือสัตว์ป่าลงมาทำลายพืชไร่ทางชาวบ้านจึงแจ้งไปยังหน่วยงาน  เบื้องต้นในที่ประชุมมีแนวคิดที่จะล้อมรั้ว และสร้างหุ่นคล้ายหุ่นไล่หมูป่า เนื่องจากทราบจากชาวบ้านว่าช่วงเวลากลางคืน มีหมูป่าเข้ามากัดกินสับปะรดเสียหายเป็นหย่อมๆ และเคยมีเกษตรกรทดลองทำหุ่นไล่กาเพื่อไล่หมูป่าไม่ให้เข้ามาทำลายได้ผลดีระยะหนึ่ง ซึ่งได้มีแนวคิดมาจากหุ่นไล่กาที่ชาวนาทำไว้เพื่อไล่นกกามากินข้าวเปลือกในท้องทุ่งนา ถ้าหากมีการสร้างหุ่นแล้วใช้เสื้อผ้าที่มีกลิ่นตัวไปไว้ในแปลงปลูกสับปะรด น่าจะทำให้หมูป่าได้กลิ่นจากเสื้อผ้าเหล่านั้น โดยจะเพิ่มลูกเหม็นที่มีกลิ่นใส่เพิ่มเข้าไปอีก ก็จะทำให้มีกลิ่นฉุนเหม็นได้ยาวนานมากขึ้นกว่าเดิมที่ชาวบ้านเคยทดลองทำมาแล้วใช้ได้ผลดีระยะหนึ่ง นอกจากนี้จะให้ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ร่วมกันเฝ้าติดตามแปลงสับปะรดที่มีการพบหมูป่าช่วงเวลากลางคืนด้วย เพื่อร่วมกันหาแนวทางและวิธีการป้องกันแบบใหม่ๆ ที่จะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image