เมื่อวันที่ 24 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สมาน จิตบุญ ผกก.สภ.จุน จ.พะเยา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่บ้านไผ่สีทอง หมู่ 12 ต.หงษ์หิน อ.จุน จ.พะเยา ว่า มีพระในวัดไผ่สีทองขุดพบเจอทองคำ รูปลักษณะเหมือนหัวใจพระพุทธรูปโบราณ แต่แอบนำไปขายในร้านทองในพื้นที่ อ.เชียงคำ จ.พะเยา แล้วนำเงินมาแบ่งให้กับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและคนงานภายในวัดที่รู้ข่าวเพียง 3 คน ตั้งแต่เดือน พ.ย. 63 จนความแตกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
จึงลงพื้นที่ พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.จุน และชุดพิสูจน์หลักฐาน จ.พะเยา โดยทราบต่อมาว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ราย ยอมรับสารภาพทั้งหมด หลังชาวบ้านในหมู่บ้านพากันกดดันอย่างหนัก
นายสุชาติ สมคิด อายุ 45 ปี อดีตพระวัดไผ่สีทอง เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนเองได้บวชเป็นพระแล้วมาจำวัตแห่งนี้มาประมาณ 3 ปีแล้ว เมื่อช่วงเดือน พ.ย.63 ก็ยังเป็นพระในวัดไผ่สีทองอยู่ โดยภายในวัดได้มีการสร้างศาลาใหม่ขึ้น ซึ่งได้เงินจากการทอดกฐินมาประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท
นายสุชาติกล่าวว่า เย็นวันหนึ่ง ตนเดินสำรวจรอบศาลาหลังใหม่ซึ่งมีการขุดเป็นร่องน้ำ จู่ๆ กลับพบว่ามีท่อระบายน้ำหล่นลงในนั้น ตนจึงให้สามเณรที่มาบวชแก้บนนำรถไถมาดึงท่อระบายน้ำขึ้นมาเพราะดูแล้วเกะกะขวางทาง แต่กลับพบว่ามีก้อนหิน ลักษณะสีเหลืองทองอร่าม ตนจึงลงไปเก็บแล้วนำมาไว้ที่กุฏิตนเอง จนรุ่งเช้าอีกวันได้นำไปอวดกับนายประสิทธิ์ พงษ์จิตภักดี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านไผ่สีทอง หมู่ 12 และนายบุญหมาย นะลา คนงานที่สร้างศาลาภายในวัด
นายสุชาติกล่าวว่า เมื่อทั้ง 2 เห็นดังนั้นจึงคิดว่าเป็นทองคำอย่างแน่นอน จึงได้แอบนำไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งใน อ.เชียงคำ โดยทางเจ้าของร้านได้นำไฟมาลนว่าเป็นของจริงหรือไม่ โดยน้ำหนักที่เจ้าของร้านแจ้งตอนนั้นอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลกรัม กับอีก 2 ขีด ทั้งนี้ ทางร้านทองได้รับซื้อในราคาทั้งสิ้น 1,160,000 บาทถ้วน จากนั้นจึงนำเงินมาแบ่งให้นายประสิทธิ์และนายบุญหมาย คนละ 3 แสนบาท ส่วนที่เหลือนั้นตนนำเงินไปสบทบสร้างศาลาวัดต่อไป
นายสุชาติกล่าวว่า แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตนเองมีความรู้สึกว่าเหมือนไม่มีใครมาทำบุญที่วัด จนศาลาหลังดังกล่าวสร้างไม่เสร็จ จึงได้แจ้งในกลุ่มไลน์ว่า ตนเองขุดเจอทองคำแล้วแอบนำไปขาย จนชาวบ้านรู้เรื่องในที่สุด
ด้านนายบุญหมายกล่าวว่า ครั้งแรกที่พระสุชาติ หรือนายสุชาติ นำทองคำมาให้ดูนั้น ตนเองมองแล้วลักษณะเหมือนหัวใจพระพุทธรูปโบราณ เพราะจากคำบอกเล่าของชาวบ้านในพื้นที่นั้น บริเวณวัดนี้เมื่อก่อนถือว่าเป็นสถูปเจดีย์เก่าแก่ เพราะเป็นเขตของโบราณสถานเวียงลอ ทั้งนี้ หลังจากที่พระสุชาติได้ชักชวนตนและนายประสิทธิ์ให้นำทองไปขายนั้น ตนก็รู้สึกแปลกใจ เพราะพระสุชาติได้ว่าจ้างให้ตนเองสร้างศาลานี้เป็นเงินค่าแรงจำนวน 7 หมื่นกว่าบาท แต่กลับมาแบ่งให้คนละ 3 แสนบาททันที
นายบุญหมายกล่าวต่อว่า พระสุชาตินำเงินมาให้แบบง่ายๆ ตนจึงรับไว้เพราะใครๆ ก็อยากได้เงินฟรี ซึ่งทราบเรื่องเพียง 3 คนเท่านั้น แต่หลังจากนั้นไม่นานตนก็ได้นำเงินส่วนหนึ่งไปใช้จ่ายและให้ภรรยาเก็บไว้ จนเรื่องราวมากระจ่างเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตนยอมรับผิด และพร้อมจะมอบตัวกับตำรวจ ในฐานสมรู้ร่วมคิดโดยไม่มีการบอกกล่าวชาวบ้านในพื้นที่เลยแม้แต่คนเดียว
ด้าน พ.ต.อ.สมาน ได้กล่าวสรุปในเรื่องนี้ว่า หลังจากทราบข่าวในเรื่องนี้ตนเองก็ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ซึ่งก่อนหน้านั้นตนทราบว่าทางผู้ใหญ่บ้านไผ่สีทองได้มาแจ้งความไว้ที่ สภ.จุน แล้ว และในเรื่องนี้ตนเองจะได้มอบหมายให้ทางพนักงานสอบสวนทำการสืบหาข้อมูลและจะได้สอบถามผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 รายนี้ว่าได้นำทองคำโบราณนี้ไปขายที่ร้านทองใน อ.เชียงคำ ร้านใด
“สำหรับทองคำโบราณนี้ถือได้ว่าเป็นสมบัติของชาติเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นของเก่าแก่ที่มีอายุมานาน ส่วนผู้ถูกกล่าวหานั้น เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อหาแต่อย่างใด รอให้สรุปสำนวนคดีได้ก่อนจึงจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” พ.ต.อ.สมานกล่าว