นอภ.ไทรโยค นำทีมฝ่ายปกครอง สนธิกำลังทหาร ตำรวจ จับกุม 3 ชาวเมียนมา ใช้ช่องทางธรรมชาติ ลักลอบส่ง จยย.ขายเพื่อนบ้าน
เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ 25 ม.ค.64 นายสาวิตร เจียมจิระพร นายอำเภอไทรโยค พร้อมด้วย ร.ท.ศุภชัย พงษ์สนิท หัวหน้าชุดกิจการพลเรือน กกล.สุรสีห์ ที่ 105 ร.ต.ศุภชัย สำเริง ชุดลาดตระเวน เฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ นายนพดล กลิ่นเกษร ปลัดอำเภองานป้องกัน อ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค จนท.ทหารและสมาชิก อส.กองร้อย อส.อ.ไทรโยค ที่ 7 ประมาณ 15 นาย ได้เข้าร่วมจับกุมแก๊งวัยรุ่น ขณะกำลังนำรถจักรยานยนต์ข้ามพรมแดนไทย-เมียนมา ไปส่งขายประเทศเมียนมา พิกัดบริเวณช่องทางธรรมชาติ บ้านวายอ บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา บ้านบ้องตี้ล่าง หมู่ที่ 2 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
โดยพฤติการณ์ แก๊งวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว ได้รับจ้างจากผู้ว่าจ้างไม่ทราบชื่อ ให้เดินทางไปรับรถจักรยานยนต์ที่บริเวณด้านหลังของโรงเรียนบ้านเขาช้าง หมู่ที่ 1 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยได้นำรถจักรยานยนต์ รุ่นเวฟ 100 แดงขาว ไปรับรถบริเวณจุดนัดพบ ภายหลังรับรถจักรยานยนต์แล้วได้ขับรถดังกล่าวออกจากหลังโรงเรียนฯ มุ่งตรงไปชายแดนไทย-เมียนมา โดยใช้เส้นทางผ่านบ้านต้นมะม่วง หมู่ที่ 7 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และผ่านบ้านบ้องตี่ล่าง หมู่ที่2 ต.บ้องตี้ อ ไทรโยค เพื่อเข้าสู่เส้นทางธรรมชาติ หน้าบ้าน นายโกวิท ทองเปราะ อดีตกำนันตำบลบ้องตี้ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารชุด มว.ปชด.เพิ่มเติมที่ 1 (บ้านบ้องตี้) เฝ้าซุ่มลาดตะเวนอยู่บริเวณสันแดน ห้วยวายอ เทือกเขาตะนาวศรี พรมแดนระหว่าง ไทย-เมียนมา จนกระทั่งมีรถจักรยานยนต์ผ่านมา จำนวน 3 คัน ดังนี้ รถจักยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า คลิก 125i สีดำ-แดง 2 คัน และ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีดำ 125i สีดำ จำนวน 1 คัน
หน้าเจ้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบและจับกุม สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า จะนำรถออกไปส่งขายชายแดนไทย-เมียนมา ทราบชื่อคือ 1.นายสุทิน ไม่มีนามสกุล อายุ 24 ปี อยู่บ้านบ้องตี้ล่าง หมู่ที่ 2 ต.บ้องตี้ อ ไทรโยค 2.นายธงชัย ไม่มีนามสกุล อายุ 17 ปี อยู่บ้านบ้องตี้ล่าง หมู่ที่ 2 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค และ 3.นายไพรวัน ไม่มีนานสกุล อายุ 18 ปี อยู่บ้านบ้องตี้ล่าง หมู่ที่ 2 ต.บ้องตี้ อ ไทรโยค โดยใช้บัตรสีชมพู ทั้ง 3 คน นายอำเภอและเจ้าหน้าที่ทหาร และ จนท.ตำรวจ จึงได้ทำบันทึกก่อนนำตัวผู้ต้องหา 3 คน และรถจักรยานยนต์ของกลางทั้ง 3 คัน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
