‘ลุงพล’ ขึ้น สภ.กกตูม ปฏิเสธคดีไม้มะค่าแต้-ทำร้ายนักข่าว ‘ป้าแต๋น’ บอกไร้กังวลผลเครื่องจับเท็จ มั่นใจความบริสุทธิ์
จากกรณีนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ติดต่อให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เข้ามาช่วยดูแลคดีน้องชมพู่ หากตนเองได้รับหมายจับจากตำรวจ โดยทนายตั้มมีกำหนดเดินทางไปบ้านลุงพล ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ด้วยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ลงที่สกลนคร ในเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 25 มกราคม โดยมีทีมทนายความและนายแพทย์ร่วมเดินทางไปด้วย ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าทนายตั้มและคณะอาจต้องถูกกักตัว 14 วัน ตามมาตรการโควิด-19 เพราะเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสูงนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มกราคม ที่ สภ.กกตูม นายไชย์พล วิภา เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ความผิดครอบครองไม้หวงห้ามโดยผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ตามหมายเรียกของตำรวจ สภ.กกตูม หลังจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จังหวัดมุกดาหาร ตรวจสอบพบว่าไม้ตะเคียนท่อนที่ศาลแม่ตะเคียนโสรภี ข้างบ้านนายไชย์พลเป็นไม้มะค่าแต้ และคดีทำร้ายร่างผู้สื่อข่าวช่องหนึ่ง
นายไชย์พลกล่าวว่า ตนปฏิเสธรับให้การสารภาพทั้ง 2 ข้อหา เนื่องจากไม่มีเจตนากระทำผิด จากนี้จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายความ ส่วนกระแสข่าวการตรวจสอบการสร้างรูปปั้นพญานาคในพื้นป่าสงวน ยืนยันว่าพร้อมจะเข้ามาพบตำรวจ หากถูกดำเนินคดี ซึ่งหากรูปปั้นพญานาคถูกทุบจริงก็รู้สึกเสียดาย และไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
นายไชย์พลกล่าวว่า ซึ่งขณะนี้ได้ติดต่อวิศวกรเพื่อออกแบบรับรองการสร้างรูปปั้นพญานาคแล้ว รวมถึงปรึกษากับนักกฎหมาย ถึงเรื่องกฏหมายป่าสงวนด้วย
“ไม่กังวลเรื่องผลพิสูจน์เครื่องจับเท็จ ส่วนตัวคิดว่าเรื่องผลเครื่องจับเท็จออกมาช้าเกินไป พร้อมไม่ขอแสดงความเห็นว่า จากนี้สมควรนำใครไปเข้าเครื่องจับเท็จเพิ่มอีก เพราะการเข้าเครื่องจับเท็จ กับการพิมพ์ลายนิ้วมือรับทราบข้อหาวันนี้ มีความตื่นเต้นเท่ากัน” นายไชย์พลกล่าว
ด้านนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น ที่ได้เดินทางมาด้วย เปิดเผยว่า วันนี้มาให้กำลังใจนายไชย์พล ที่ผ่านมามักคอยเตือนสติ และอยู่เคียงข้างนายไชย์พลเสมอ รวมถึงไม่รู้สึกเครียดที่นายไชย์พลถูกแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งนี้ ไม่มีความกังวลถึงเรื่องผลพิสูจน์เครื่องจับเท็จ โดยสุดท้ายหากตัวเองและนายไชย์พลถูกหมายจับจริงตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ก็พร้อมที่จะสู้ต่อไป เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์
