เปิดใจ! หญิงขับรถตกคลอง ติดในรถนานกว่า 7 ชั่วโมง แช่น้ำโผล่แค่จมูกปลิงเกาะเต็มตัว สุดท้ายรอด

เปิดใจ! หญิงขับรถตกคลอง ติดในรถนานกว่า 7 ชั่วโมง แช่น้ำโผล่แค่จมูกปลิงเกาะเต็มตัว สุดท้ายรอด

เปิดใจหญิงวัย 28 ปี หลังประสบเหตุหักหลบตัวเงินตัวทองก่อนรถไถลตกข้างทางพลิกคว่ำจมน้ำในคลอง สู้กับนาทีชีวิตมัจจุราชนานกว่า 7 ชั่วโมง โดยมีช่องอากาศ 3 เซนติเมตร พอให้จมูกโผล่พ้นน้ำ ขณะที่ร่างกายและใบหน้าจมอยู่น้ำตลอดทั้งคืน พร้อมภาวนาสิ่งศักสิทธิ์คือ พ่อ และแม่ ขออโหสิกรรม หากมีบุญเหลือขอได้ออกไปเจอหน้าพ่อ แม่ และลูก ขณะตอนนี้ตนผวากลัวความมืด หากหลับตาก็จะเห็นภาพตอนประสบเหตุก็จะร้องไห้ให้แม่มาอยู่ด้วยตลอด

ที่บ้านเลขที่ 19 /2 หมู่ 10 ตำบลบางอ้อ อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก เป็นบ้านไม้สองชั้นของ น.ส.ชัชฎาภรณ์ สัมฤทธิ์ อายุ 28 ปี ผู้ประสบเหตุรถพลิกคว่ำตกลงไปในคลองจมน้ำอยู่นานกว่า 7ชั่วโมง และโกงความตายรอดชีวิตออกมาได้ โดยมีคนส่งน้ำแข็งเอะใจและตัดสินใจลงไปช่วยชีวิตไว้ได้ก่อนที่จะจบชีวิตเนื่องจากกำลังจะหมดแรงในตอนนั้น จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ขออนุญาตินางวิวรรณ สัมฤทธิ์ อายุ 45 ปี แม่ของนางสาว ชัชฎาภรณ์ เพื่อขอเข้าไปพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

เมื่อขึ้นไปยังที่ห้องพักของน.ส.ชัชฎาภรณ์ สัมฤทธิ์ พบว่ายังอยู่ในอาการบาดเจ็บยังไม่สามารถขยับตัวได้มาก จากนั้นจึงได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่าเป็นมาอย่างไร ซึ่ง น.ส.ชัชฎาภรณ์ สัมฤทธิ์ ได้บอกว่า ตนกลับมาจากบ้านพี่สาวตอนนั้นเวลาประมาณ 24.00 น. ซึ่งตนใช้ถนนเส้นนี้เดินทางในช่วงเวลาเกิดเหตุอยู่ทุกวัน ในวันเกิดเหตุขณะที่ตนขับขี่หลุดมาจากโค้งในเลนซ้ายตนเห็นตัวเงินตัวทองขนาดใหญ่เดินขึ้นมายังเลนซ้ายตนจึงได้หักรถหลบมายังเลนขวา ทำให้ล้อรถตกหลุมใหญ่จากนั้นได้พยายามหักพวงมาลัยก่อนที่จะเสียหลักตกลงไปในคลองข้างทาง

Advertisement

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนจำได้ทุกอย่าง เพราะตนเองไม่ได้หลับเลย ซึ่งหลังจากที่รถเสียหลักรถได้ค่อยๆ ไหลลงคลองตอนนั้นตนรู้สึกว่าได้เหยียบคันเร่งด้วยในตอนนั้น ตอนลงไปทางเป็น 2 ระดับคือ ดินและคลอง โดยเมื่อลงไปสุดดินรถได้พลิกหงายแล้วลงไปในน้ำ ตอนนั้นรู้ตัวแล้วว่า น้ำเริ่มเข้ามาในรถ เพราะตอนนั้นตนได้พยายามเปิดประตูรถ แต่เปิดได้ช่องเล็กๆ ประมาณ 30 ซม. ตอนนั้นน้ำก็ได้ดันเข้ามาเยอะมากจนท่วมถึงบริเวณหน้าท้อง ตอนนั้นตนรู้และว่าจะต้องจมน้ำ ตอนนั้นรถก็ได้ไหลลงไปในน้ำเรื่อยๆ ตนจึงพยายามถีบตัวเองจากเบาะหน้าไปยังเบาะหลัง ตอนนั้นก็พยายามควานหาเพื่อเปิดรถ แต่เปิดไม่ได้ เพราะเซ็นทรัลล็อก ส่วนโทรศัพท์ก็หลุดมือหายไปกับน้ำ

 

“ในวินาทีนั้นตนยังพอมีแรงอยู่ก็ได้พยายามทุบกระจก จับคลำอะไรได้ก็ทุบหมด แต่กระจกก็ไม่แตก และพยายามเอาหัวเบาะออกมางัดก็ไม่สำเร็จ ซึ่งตอนนั้นรถก็อยู่ในสภาพหงายท้อง ตอนนั้นระดับน้ำก็เริ่มท่วมจะมิดคอแล้ว ตนก็เริ่มมุดน้ำและใกล้จะหมดแรง ตอนนั้นพยายามกระเสือกกระสนเอามือคลำทั่วตัวรถ ด้วยรถตนเป็นรถ 5 ประตู เพื่อหาที่พักเพื่อที่จะหายใจ โชคดีที่เจาะช่องที่ใกล้รถมีช่องเล็กๆ ประมาณ 3-4 ซม. ที่พอจมูกโผล่ออกมาได้

โดยตัวได้พาดอยู่กับเบาะ ตอนนั้นได้แต่ร้องไห้พูดกับตัวเองอยู่ตลอด ตายไม่ได้นะ ยังไงก็ตายไม่ได้ จนกระทั่งรู้ตัวว่าร่างกายไม่ไหว เนื่องจากตอนนั้นตนได้สู้กับตัวเองได้อยู่สักพักหนึ่ง จึงบอกกับตัวเองว่า ยอมละ ตายก็ตายและได้สั่งลา พ่อแม่ ลูก และทุกคนที่ตนรัก จากนั้นก็ไปนอนรอความตาย และร้องไห้จนไม่มีน้ำตา และได้บอกกับตัวเองอีกครั้งว่า …. ถ้าหนูยังมีบุญวาสนาหลงเหลืออยู่ขอให้มีลมหายใจจนมีคนมาช่วย จากนั้นก็นอนหลับตา ขณะที่ตาก็เปียกน้ำแต่หูนั้นได้ยินหมด ได้ยินเสียงรถผ่านตอนที่ตนประสบเหตุใหม่ๆ ตนก็ได้ยินแต่มีใครเห็น เพราะตอนนั้นพื้นที่ที่ตนจมลงไปมืดมาก และในรถตอนก็มองอะไรไม่เห็นและน้ำก็ดำ

จนกระทั่งเวลาผ่านไป มีคนเข้ามาช่วยตนก็ยังรู้เรื่องอยู่ในตอนนั้นยังไม่มีแสงสว่างเข้ามา จนกระทั่งมีแสงสว่างเข้ามาให้ตนได้เห็นแสงแรก ตอนที่คนส่งน้ำแข็งมาเปิดประตูรถ ในตอนแรก ตนได้ยินเสียงว่า ตายมั้งหนะ คนตายอยู่ในรถตอนนั้นตนรู้สึกดีใจ และรู้เลยว่ามีคนเข้ามาช่วยตนแล้ว ซึ่งตอนนั้นตนไม่รู้ว่าตอนนั้นเวลาเช้าแล้ว และพอคนส่งน้ำแข็งเปิดประตูรถได้สภาพใบหน้าตนที่จมอยู่ในน้ำเหลือแต่เพียงปลายจมูก ได้มีแสงลอดผ่านน้ำเข้ามากระทบที่ใบหน้าตน

ตอนนั้นตนได้รวบรวมแรงที่มีพุ่งตัวออกมาจากในรถ ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกเหมือนว่า ตายแล้วเกิดใหม่ ตอนนั้นตนได้ออกมานั่งด้วยความมึนงง เพราะคิดว่าตนอาจจะตายไปแล้ว และวิญญาณออกจากร่าง และหันไปมองรถตัวเองแล้ว พูดกับตัวเองว่าเราอยู่นั้นหรอ และนี่ใช้ตัวเราเองหรือเปล่า

ซึ่งหลังจากที่ตนออกมาจากในรถได้ก็พบว่า ปลิงได้เกาะเต็มตัวเลือดได้ไหลอาบตั้งแต่คอลงไป ซึ่งปลิงที่กัดตนนั้นได้กัดกินเลือดจนหลุดออกไปเอง ซึ่งตอนนั้นตนไม่รู้สึกอะไร

ทั้งนี้ ตนเองอยากขอบคุณคนส่งน้ำแข็ง และชาวบ้านที่มาช่วยตนมาก ว่าพวกเขาได้ให้ชีวิตใหม่ตน และถ้าไม่ได้คนส่งน้ำแข็งทั้งสองคนมาเห็น และตัดสินใจมาช่วย ป่านนี้ตนคงตายไปแล้ว ซึ่งหากทั้งสองไม่มาช่วยตนในเวลานั้น และเวลาผ่านไป 30 นาที หรือ 1 ชั่งโมงตนก็คงหมดแรงไปแล้วอีกทั้งอากาศก็เริ่มจะหมด

โดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ห้อยไว้ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ตอนที่ประสบเหตุคิดถึง และนึกถึงแต่หน้าพ่อกับแม่อยู่ในหัวตลอด พร้อมภาวนาขออโหสิพ่อแม่อยู่ตลอด และบอกว่า หากตนยังมีบุญหลงเหลืออยู่ขอให้ยังมีลมหายใจเพื่อได้ออกไปหน้าลูกหน้าพ่อหน้าแม่อีกรอบหนึ่ง

โดยอาการบาดเจ็บตอนนี้มีอาการปวดที่ซีกขวายังลงน้ำหนักไม่ได้ มีอาการฟกช้ำตามร่างกาย และบาดแผลจากปลิงที่มากัดตามร่างกาย ซึ่งตอนนี้ตนไม่ได้กลัวการขับรถ แต่รู้สึกเข็ดและกลัวหมด และตอนนี้เวลาที่หลับตาภาพตอนประสบเหตุก็ขึ้นมาในหัวตลอด ตนก็จะร้องไห้ และร้องเรียกแม่ให้มาอยู่ด้วยตลอด

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนางวิวรรณ สัมฤทธิ์ อายุ 45 ปี แม่ของนางสาว ชัชฎาภรณ์ ได้บอกว่า ตนเองมาทราบข่าวว่าลูกสาวประสบอุบัติติดอยู่ในรถที่จมน้ำเวลา 08.00 น. ตอนนั้นตนตกใจหลังมีคนมาจอดรถหน้าบ้านมาบอกตนว่าลูกสาวขับรถลงคลอง ตอนนั้นตนไมได้ออกไปดูคิดว่าลูกสาวไม่เป็นอะไรมาก เพราะรู้ว่าลูกสาวตนได้ถูกช่วยออกมาแล้ว จนกระทั่งมีคนมาบอกอีกว่าลูกสาวได้ประสบเหตุรถตกลงไปในน้ำตั้งแต่เที่ยงคืน ตนจึงรีบออกไปดูที่เกิดเหตุ ซึ่งล่าสุดที่ได้คุยกับลูกสาวคือ เวลา 4 ทุ่มของคืนที่เกิดเหตุ จากนั้นตนได้เข้านอน

จากนั้นตื่นมาอีกครั้งตอน 03.00 น. ก็เห็นว่ารถของลูกสาวยังไม่กลับเข้ามาบ้าน แต่ก็ยังไม่ได้โทรหา จนกระทั่ง 07.30 น. จึงได้บอกหลานที่เป็นลูกของ น.ส.ชัชฎาภรณ์ โทรหา น.ส.ชัชฎาภรณ์ให้ซื้อกับข้าวเข้ามาที่บ้าน ซึ่งหลานสาวบอกกับตนว่าโทรหา น.ส.ชัชฎาภรณ์ (แม่) ไม่ติด และไม่รับสาย และได้บอกกับหลานว่าเดี๋ยวตอน 10.00 น. ค่อยโทรหาใหม่

แต่ยังไม่ทันไรตอน 08.00 น.ก็มีคนมาบอกว่า น.ส.ชัชฎาภรณ์ ประสบอุบัติเหตุรถตกคลอง ตนจึงรีบไปยังที่เกิดตอนนั้นไม่พบลูกสาวแล้ว เจอแต่รถ และคิดว่าลูกสาวคงเสียชีวิต และหลังจากที่เอารถขึ้นจากน้ำได้แล้วตนก็ได้ไปยังโรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นลูกอยู่ระหว่างการรักษาตัวจากแพทย์ที่ห้องฉุกเฉิน จนกระทั้ง 10.00น.จึงได้พบหน้ากัน

ส่วนเรื่องที่ลูกสาวได้บอกว่า ตอนประสบเหตุติดอยู่ในรถได้แต่คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่ และได้รอดชีวิตมาได้ ซึ่งตนเองเชื่อเรื่องนี้ เนื่องจากพ่อแม่นั้นมีพระคุณที่สุดแล้ว ที่ผ่านมาจากประสบการณ์เวลาที่ตนเองป่วย หรือเป็นอะไรขึ้นมา ซึ่งตนเองเป็นโรคหอบ เคยใส่ท่อตอนนั้นตนจะคิดถึงแต่พ่อแม่เสมอ และตนก็รอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งการที่ลูกสาวรอดได้ก็มาจากการที่คิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่แบบที่ตนเคยผ่านเหตุการณ์นาทีเป็นนาทีตายมาเช่นกัน

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปดูรถของ น.ส.ชัชฎาภรณ์ สัมฤทธิ์ ที่เอามารจอดไว้ที่บ้าน โดยรถไม่ได้รับความเสียหายอะไรนอกจากน้ำได้เข้าไปในห้องโดยสารเพียงเท่านั้น และมีเพียงเศษหญ้าและดินติดตามตัวรถเท่านั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image