ยายช็อก! ร้อง “ปวีณา” หลานสาวอายุ 12 ปี ถูกตาเขยข่มขืนจนตั้งท้อง คลอดลูกออกมาแล้วเมื่อเช้าวันที่ 27 ม.ค.64 โดยก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าเด็กท้อง แม้แต่ตัวเด็กเองก็ตาม เพราะเด็กถูกขู่ฆ่าจนไม่กล้าบอกใคร “ปวีณา” ประสาน ผกก.สภ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ออกหมายจับและจับตัวได้แล้ววันนี้ (28 ม.ค.) ตำรวจสอบสวนผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพ
วันที่ 27 ม.ค.64 เวลา 14.00 น. ยายและญาติๆ ชาวจ.ร้อยเอ็ด ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ แจ้งว่า ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 12 ปี หลานสาวถูกนายเอก (นามสมมุติ) ตาเขย (สามีของพี่สาวยาย) ข่มขืนจนตั้งท้องเพิ่งคลอดลูกออกมาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาขณะที่ด.ญ.เอ และลูกน้อยอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งด.ญ.เอมีสภาพจิตใจย่ำแย่ ส่วนทารกเพศชายที่เพิ่งคลอดก่อนกำหนดยังต้องอยู่ในตู้อบ ทางยายและญาติได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เสลภูมิ แล้ว ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยติดตามคดี นำตัวลุงเขยมารับโทษตามกฎหมาย
ยายด.ญ.เอ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าหลานสาวตั้งท้อง แม้แต่ตัวเด็กเองก็ตาม เนื่องจากหลานสาวเป็นเด็กที่ค่อนข้างอ้วนอยู่แล้ว พอทารกคลอดออกมาจึงได้สอบถามจนด.ญ.เอ ยอมเล่าว่า ช่วงเดือนพ.ค.63 ถูกนายเอกเข้ามาข่มขืนขณะกำลังนอนดูทีวีอยู่คนเดียวในบ้าน เพราะตายายออกไปซื้อของในอำเภอ โดยนายเอกใช้ผ้าปิดปากข่มขู่ด.ญ.เอกว่าถ้าเสียงดังจะฆ่าทิ้ง ซึ่งด.ญ.เอก็ไม่กล้าขัดขืน หลังนายเอกข่มขืนจนสำเร็จความใครก่อนจะกลับยังข่มขู่อีกว่าถ้านำเรื่องไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย ต่อมาด.ญ.เอ ก็มีอาการซึมเศร้าหวาดผวาและไม่กล้าบอกใครมาโดยตลอด
หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ จึงได้ประสาน พ.ต.อ.ดร.พัทฐกร ศาสนะสุพินธ์ ผกก.สภ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ให้ดำเนินคดีกับนายเอก ตาเขย และให้ยายของด.ญ.เอ และญาติไปพบ พ.ต.อ.ดร.พัทฐกร ในช่วงเช้าของวันที่ 28 ม.ค.
ต่อมาช่วงเที่ยวของวันที่ 28 ม.ค. พ.ต.อ.ดร.พัทฐกร ศาสนะสุพินธ์ ผกก.สภ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ได้รายงานมายัง นางปวีณา ว่า ได้ออกหมายจับและจับกุมตาเขยได้แล้ว โดยนายเอก ตาเขย ให้รับสารภาพว่าข่มขืนด.ญ.เอ หลานสาวจริง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนนายเอก และพาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อนจะทำการฝากขังต่อศาลต่อไป
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า ขอบคุณ พ.ต.อ.ดร.พัทฐกร ศาสนะสุพินธ์ ผกก.สภ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เสลภูมิ ที่ทำงานอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้จะประสานบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดร้อยเอ็ดเข้าไปดูแลฟื้นฟูสภาพจิตใจด.ญ.เอ ต่อไป และขอฝากเตือนไปถึงพ่อแม่และผู้ปกครองทุกคน อย่าปล่อยลูกหลานอยู่ตามลำพัง หรือนำไปฝากเลี้ยงกับใครเพราะอาจจะตกเป็นเหยื่อของคนใจทรามได้.
