สาวเวียดนามร้องถูกกลุ่มชายอ้างตัวเป็น ตม.ข่มขู่เรียกเงิน 3 หมื่น แลกไม่ดำเนินคดี

สาวเวียดนามร้องถูกกลุ่มชายอ้างตัวเป็น ตม.ข่มขู่เรียกเงิน 3 หมื่น แลกกับไม่ดำเนินคดีในช่วงโควิด-19

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หมู่บ้านพฤกษา3 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจาก Ms.Bui Thi Hoa หรือ (บุย ที ฮั้ว) อายุ 30 ปี สัญชาติเวียดนาม ได้ถูกชายจำนวน 4 คน ขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีเทา ทะเบียน ฆฉ7496 กรุงเทพมหานคร มาจอดที่หน้า ร้านอาหาร “ล้านครัวบ้านป่า” ซอยราชมนตรี ได้แอบอ้างแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มาขอตรวจเอกสาร จากนั้นเรียกรับเงิน จำนวน 30,000 บาทไป จึงปล่อยตัว เหตุเกิดที่หน้า สน.หลักสอง กทม.วันที่ 21 ม.ค.64 เวลา 18.04 น.ที่ผ่านมา มีภาพจากกล้องวงจรปิดและรูปภาพหนึ่งในสี่คนที่แอบอ้าง จึงได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.หลักสอง กทม.

จากการสอบถาม น.ส.บุยทีฮั้ว หรือแอน (Ms.Bui Thi Hoa) ชาวเวียดนามผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเดินทางมาหานายกฤษณ์ อายุ 39 ปี แฟนหนุ่ม เมื่อเดือน เม.ย.2563 มีเอกสารการเดินทางและขอวีซ่าอย่างถูกต้อง จากนั้นได้เกิดสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดครั้งแรก ทำให้เดินทางกลับประเทศไม่ได้จนถึงตอนนี้ จึงอาศัยอยู่กับครอบครัวแฟนหนุ่มที่ร้านอาหารดังกล่าว วันเกิดเหตุตนออกมาที่หน้าร้านเพื่อมาหา น.ส.จิตติมา หรือเอฟ เครือแดง อายุ 30 ปี น้องสาวแฟน เพื่อถามหานายเสรี เนียมสุ่ม อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นอาของนายกฤษณ์
ขณะเกิดเหตุตนกำลังนำอาหารไปให้ลูกค้าที่ร้านเนื่องจากพนักงานไม่ว่าง ชายทั้ง 4 คนได้จอดรถและเดินเข้ามาแจ้งว่าขอดูพาสปอร์ต และเอกสารการทำงาน น.ส.จิตติมา ซึ่งอยู่ด้วยขณะเกิดเหตุก็ถูกขอตรวจเอกสารเช่นกัน หลังตรวจเอกสารชายทั้ง 4 คนจึงแจ้งว่ามีคนร้องเรียนไปเรื่องต่างด้าวทำงานผิดประเภท ตนจึงอธิบายว่าตนเป็นหลานสะใภ้ของที่ร้านนี้ ไม่ได้ทำงานเพียงแต่มาช่วยเนื่องจากพนักงานไม่ว่าง และติดโควิดกลับประเทศไม่ได้ อยู่ที่ประเทศไทยไม่มีงานทำอะไรช่วยได้ตนก็ช่วย

น.ส.บุยทีฮั้ว กล่าวอีกว่า จากการพูดคุยกับชายทั้ง 4 คน ได้เรียกเงินจำนวน 30,000 บาท เป็นการแลกกับการไม่ดำเนินคดี ซึ่งตนไม่มีเงิน นายเสรี ที่เป็นอาได้พยายามคุยต่อลองเพราะช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ขายไม่ดี มีจ่ายแค่ 10,000 บาทเท่านั้น แต่ชายทั้ง 4 คนได้ “อ้างว่านายไม่ยอม” จึงได้นำตัวตนและน.ส.จิตติมาขึ้นรถไปที่ สน.หลักสอง และข่มขู่ให้หาเงินมาให้ นายเสรีจึงต้องไปขอยืมเงินมาจ่ายให้และโอนไปจำนวน 30,000 บาทมีหลักฐานการโอนเงินไปชื่อบัญชี นางดาว หลังจากนั้นจึงปล่อยตัวตนและ น.สจิตติมาลงที่หน้า สน.หลักสอง ตอนนี้ตนเกรงว่าหลังจากนี้ชายทั้ง 4 คนจะกลับมาข่มขู่อีกจึงได้แจ้งความดำเนินคดีไว้

Advertisement

น.ส.จิตติมา เครือแดง น้องสาวแฟน กล่าวว่า ตนพยายามอธิบายให้ฟังว่าน้องแอนเป็นแฟนพี่ ไม่ได้เป็นพนักงานที่ร้าน มาเที่ยวและกลับบ้านไม่ได้ติดโควิด มีพาสปอร์ตและขอวีซ่าถูกต้อง อยู่ที่นี่ก็ช่วยงานเล็กๆน้อยรอจนกว่าจะกลับประเทศได้ แต่ชายทั้ง 4 คนไม่ยอมยังขอดูเอกสารตนด้วย หลังพูดคุยกันที่ร้านไม่สำเร็จก็พาตนและน้องแอนขึ้นรถพาไป สน.หลักสอง แต่ไม่ได้พาเข้าไปในโรงพัก พยายามพูดคุยจะเอาเงิน 30,000 บาทให้ได้ อ้างว่านายไม่ยอม

นายเสรี เนียมสุ่ม อาของแฟนหนุ่ม กล่าวว่า เศรษฐกิจก็ไม่ดีถ้าเป็นตำรวจจริงมาทำแบบนี้ก็ถือว่ารังแกประชาชนและเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่รู้ว่าทำมากี่รายหรือที่ไหนกันบ้างแล้ว โดยเกรงกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวจะหวนกลับมาทำอีก หลังเกิดเหตุตนได้ให้หลานทั้งสองคนไปแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งก็ผ่านมา2 สัปดาห์แล้ว ยังไม่มีอะไรคืบหน้าด้านคดีเลย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบหน่อยว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ ทำไมมารังแกรีดไถประชาชนแบบนี้

เบื้องต้นผู้เสียหายได้มอบหลักฐานภาพถ่ายหนึ่งในชายฉกรรจ์ทั้ง 4 คน และภาพรถยนต์ที่ใช้ขับก่อเหตุ พร้อมภาพจากกล้องวงจรปิดจาก สน.หลักสอง ขณะที่ชายทั้ง 4 คนคุมตัวไปข่มขู่รีดเอาเงิน

Advertisement

จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ดำเนินคดีจับกุมกลุ่มชายดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะหน่วยตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ถูกกลุ่มชายดังกล่าวมาอ้างตัว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image