เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่สถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ถนนมณีนพรัตน์ ซอย 3 ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ชาวเมียนมา และกลุ่มชาติพันธุ์กว่า 100 คน ร่วมชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย และต่อต้านการทำรัฐประหาร ภายใต้กิจกรรม #LightUpMyanmar ส่องไฟต้านรัฐประหารกองทัพเมียนมา โดยชูป้ายเป็นภาษาเมียนมา อังกฤษ และไทย มีข้อความว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” ก่อนร้องเพลงเป็นภาษาเมียนมาที่เรียกร้องประชาธิปไตย พร้อมชูกำ
ปั้น ก่อนส่องไฟจากมือถือไปยังสถานกงสุลฯดังกล่าว เพื่อส่องแสงสว่างกลับไปยังประเทศบ้านเกิด ให้ประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประชาชนโดยเร็ว ท่ามกลางความสนใจของสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก และชาวเมียนมาได้ถ่ายทอดสดผ่านเฟชบุ๊กไลฟ์ ทั้งภาษาเมียนมา และอังกฤษ เผยแพร่ไปทั่วโลกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการชุมนุม พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย และรถสายตรวจอีก 3 คัน ได้ตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย และอำนวจการจราจร ฝั่งตรงข้ามสถานกงสุลฯ พร้อมตั้งด่านและจุดสกัดบริเวณทางเข้าออกถนนดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและการข่าว สังเกตการณ์กว่า 20 หน่วยงาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงใหม่ ร่วมสังเกตการณ์ เพื่อเกาะติดสถานการณ์ และรายงานผู้บังคับบัญชาอย่างละเอียด เนื่องจากเป็นการชุมนุมของชาวต่างชาติ
ขณะที่สถานกงสุลฯได้ปิดทำการตั้งแต่เวลา 16.30 น. โดยปิดไฟภายในสถานกงสุลฯทั้งหมด ทำให้สถานกงสุลฯค่อนข้างมืด พร้อมนำรถยนต์ 1 คัน มาจอดริมถนนด้านหน้า เพื่อบังป้ายสถานกงสุลฯดังกล่าวไม่ให้ถูกเผยแพร่ไปสู่สาธารณชนด้วย
ต่อมาเวลา 20.05 น. พ.ต.อ.กิตติพงษ์ ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงจากรถสายตรวจให้กลุ่มผู้ชุมนุมเลิกทำกิจกรรม เนื่องจากอาจเข้าข่ายกระทำผิดตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์
ฉุกเฉิน พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมโรคติดต่อ และก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ที่อาศัยใกล้เคียง ทว่า ผู้ชุมนุมได้ทำกิจกรรมดังกล่าวต่อจนถึงเวลา 20.20 น. โดยใช้เวลาเพียง 20 นาที ก่อนแยกย้ายกลับ โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ
