ผอ.รร.อนุบาลบ้านเด็ก แถลงทั้งน้ำตา โต้โซเซียลกล่าวหารร.ไม่ใส่ใจ กรณีเด็กล้มศีรษะยุบสลบหามส่ง รพ.

ผอ.รร.อนุบาลบ้านเด็ก แถลงทั้งน้ำตา โต้โซเซียลกล่าวหารร.ไม่ใส่ใจ กรณีเด็กล้มศีรษะยุบสลบหามส่ง รพ.

เมื่อเวลา 10.00 น วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่โรงเรียนอนุบาลบ้านเด็ก ตำบลคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง นางอุบล สงเนียม ผอ.โรงเรียน พร้อมด้วยนายก้าวหน้า สงเนียม รองผู้อำนวยการ และนางวิลาศ หนูยก ครูพี่เลี้ยงเด็ก ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังปรากฏข้อความทางโพสต์ข่าวของสื่อบางสำนักในพื้นที่จังหวัดพัทลุง ระบุว่า “พ่อแม่ใจสลาย ส่งลูกชายวัย 3 ขวบไปโรงเรียนอนุบาล…….เด็ก ในเขตเทศบาลเมืองพัทลุงไปรับลูกตอนเย็นได้รับบาดเจ็บศีรษะยุบตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่ครูพี่เลี้ยงรวมถึงผู้ประกอบการไม่ยอมส่งถึงมือหมอจนถึงเย็นผู้ปกครองไปรับพบลูกสลบต้องหามส่งโรงพยาบาลเอง อนิจจาโรงเรียนอนุบาลดัง ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบไร้มาตรการความปลอดภัย บ่ายเบี่ยงจนผู้ปกครองแจ้งความ เหตุเกิดเมื่อ 18 กมภาพันธ์” จากข้อความดังว่า บิดเบือนข้อเท็จจริง ทางโรงเรียนดูแลและเอาใจใส่เด็กนักเรียนโดยไม่ได้ละเลย มาตลอดระยะเวลากว่าที่ 20 ปี ที่เปิดโรงเรียนมา การดูแลเด็กถือเป็นหัวใจหลักของทางโรงเรียนอนุบาลยิ่งกว่าเรื่องวิชาการ

นางอุบล สงเนียม ผอ.ร.ร.อนุบาลบ้านเด็ก กล่าวทั้งน้ำตาว่ารู้สึกเสียใจกับการโพสต์ข่าวของสื่อบางสำนัก ที่บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมยอมรับเด็กล้มในห้องเรียนจริง แต่ไม่ได้ศีรษะยุบ ตามที่เป็นข่าว โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ตนทราบเรื่องจากครูพี่เลี้ยงในตอนเย็นว่าเด็กล้มในห้องศีรษะไปกระทบพื้นจนศีรษะโน ทางครูพี่เลี้ยงได้ทาน้ำมันนวดให้เด็ก และได้สังเกตอาการเด็ก ก็ยังคงเล่นกับเพื่อนตามปกติ จึงไม่ได้โทรบอกผู้ปกครอง และไม่ได้แจ้งตนให้รับทราบ ยอมรับว่าทางโรงเรียนมีความผิดพลาดในจุดนี้ แต่เนื่องจากเห็นเด็กยังอยู่ในอาการปกติ เล่นกับเพื่อนในห้องเรียนได้ จนกระทั่งเลิกเรียนตอน 4 โมงเย็น ครูพี่เลี้ยงได้จูงเด็กไปส่ง ผู้ปกครองที่ด้านหน้า รร.พร้อมแจ้งให้ผู้ปกครอง หลังจากนั้นตนมาทราบว่า ผู้ปกครองพาเด็กไปตรวจที่ รพ.ปิยะรักษ์ เพื่อเอกซเรย์สมอง แต่ที่ รพ.ปิยะรักษ์ไม่มีเครื่องมือ จึงแนะนำให้ไปโรงพยาบาลวัฒนแพทย์ที่จังหวัดตรัง แต่ด้วยความวิตกกังวลและความห่วงใยของผู้ปกครองทำให้พาเด็กเข้า รพ.พัทลุง และในระหว่างที่หมอรับการรักษา เด็กเกิดอาการช็อก ซึ่งน่าจะเพราะอาการไข้ที่มีอยู่ก่อนหน้า บวกกับเด็กจะมีประวัติประจำตัวคือจะชักเกร็งเวลามีไข้สูง หมอ และพยาบาลได้ช่วยเหลือจนเด็กพ้นขีดอันตราย

นางอุบล บอกว่า ขณะที่ เด็ก อยู่ รพ. พัทลุง ทางโรงเรียนได้เข้าไปเยี่ยมเยียนเด็ก ทั้งพูดคุยถามไถ่กับผู้ปกครองโดยตลอด ไม่ได้ละทิ้งหรือแสดงการละเลยเด็ก ทั้งยังแสดงความรับผิดชอบโดยการมอบเงินก้อนหนึ่งเป็นน้ำใจให้ผู้ปกครองใช้ดูแลเด็กในช่วงที่อยู่ รพ. พัทลุง ล่าสุด เมื่อวานนี้ 20 กุมภาพันธ์ หมออนุญาตให้เด็ก ออกจาก รพ. เนื่องจากเด็กมีอาการดีขึ้นหลังจากนั้นก็ ปรากฏข้อความทางโพสต์ของสื่อบางสำนัก จนทำให้ทางโรงเรียนเกิดความเสียหาย

Advertisement

ในกรณีที่เกิดขึ้นทางโรงเรียนใส่ใจและดูแลอย่างต่อเนื่อง และทำดีที่ดีสุดแล้ว พร้อมหากเป็นความผิดพลาดที่ไม่แจ้งผู้ปกครองโดยทันที ก็ต้องขออภัย และขอยืนยันว่าทางโรงเรียนได้มีการเน้นย้ำครูพี่เลี้ยงทุกคน ให้ดูแลเอาใจใส่เด็กนักเรียนทุกคนเสมือนบุตรหลานของตนเอง

ทางด้านนางวิลาศ หนูยก ครูพี่เลี้ยง ระบุว่า ก่อนหน้านี้เด็กคนดังกล่าว ได้ขาดเรียนไป 1 อาทิตย์ เนื่องจากอาการป่วย และผู้เป็นแม่ของเด็กโทรหาตนบอกน้องป่วย แต่น้องอยากมาโรงเรียน ฝากให้ครูช่วยดูแลน้องด้วย ซึ่งตนก็ดูแลน้องเป็นอย่างดี หลังจากที่น้องมาโรงเรียนในวันจันทร์ ที่ผ่านมา จนกระทั่งวันเกิดเหตุ คือพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 น้องมีอาการตัวรุม ๆ ตนก็ให้กินยาลดไข้ เพราะรู้ว่าน้องมีไข้อยู่ก่อนหน้า และในช่วงเวลา 13.00 น เป็นช่วงที่เด็ก ๆทยอยกันตื่นนอน และคุณครูให้เด็ก ๆ เก็บที่นอนของตัวเองเพื่อนำให้มาให้ครูพับใส่ล๊อคเกอร์ของเด็ก ๆ พร้อมให้น้องถอดชุดนอนไปล้างหน้าหลังตื่นนอนที่ห้องน้ำภายในห้องเรียน แต่ในช่วงที่น้องเดินเข้าห้องน้ำ น้องเดินแบบขาไขว้ ทำให้เสียการทรงตัวและหกล้ม ตนได้ยินเสียงก็รีบเข้าไปอุ้มและปลอบน้อง และสังเกตเห็นหัวน้องโน จึงเอาน้ำมันเขียวแก้ฟกซ้ำมาทาให้ และสังเกตดูน้องหลังเกิดเหตุ ก็ยังเล่นกับเพื่อนปกติ จึงไม่ได้โทรบอกผู้ปกครอง และโทรแจ้ง ผอ.โรงเรียน ซึ่งตนก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้โทรแจ้ง แต่ยืนยันตนดูแลเด็กด้วยใจ ด้วยความรัก หากความผิดพลาดครั้งนี้มันร้ายแรง ตนก็พร้อมยอมรับและขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น

Advertisement

ในขณะที่ ครูพี่สาว อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นครูในโรงเรียนที่มีบ้านอยู่ใกล้กับผู้ปกครองเด็กนักเรียนคนดังกล่าว ระบุว่า คุณพ่อของน้องและหลาย ๆคน ให้ตนเป็นคนกลางโทรประสานนางอุบล ฯ ผู้อำนวยการโรงเรียน ว่าเขาไม่ขออะไรมากขอให้ทางโรงเรียนรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการรักษาเบื้องต้น ตนจึงประสานมาที่นางอุบล  ผอ. โรงเรียน ซึ่งนางอุบล ก็ไม่รอช้า โอนเงินไปให้จำนวน 3 หมื่นบาท เป็นน้ำใจเบื้องต้นและหลังจาก นางอุบล โอนเงินไปให้แล้ว ผู้เป็นแม่ของเด็ก ก็โทรกลับมาที่ตนแจ้งกับตนว่า นางอุบล โอนเงินให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วและยังจะบอกว่า จะให้น้องเรียนจนจบ เตรียม ป.1 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย ตนเลยถามไปว่า แม่โอเคไหม ซึ่งผู้เป็นแม่ของน้อง บอก “โอเคมาก” และผู้เป็นแม่ของน้องยังบอกด้วยว่า นางอุบล  บอกเขาว่า หากเขาต้องการพาน้องไปรักษาหรือ ตรวจเพิ่มเติมที่ รพ.หาดใหญ่ ทางนางอุบล ก็จะรับผิดชอบ แต่ผู้เป็นแม่ปฏิเสธและบอกว่า นางอุบล  ผอ.โรงเรียน ดูแลมามากแล้ว ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแล้ว ซึ่งนี้เป็นคำพูดที่แม่ของน้องพูดมากับตน แต่จู่ ๆ ก็ไปปรากฏข้อความโพสต์ของสื่อ ท่ามกลางความสงสัยของคณะครูในโรงเรียน

อย่างไรก็ดี หลังมีข้อความโพสต์ทางสื่อโซเชียลจนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปในวงกว้าง ผู้เป็นพ่อของเด็ก จึงโอนเงินจำนวน 30,000 บาทที่ทางโรงเรียนช่วยเหลือไปในเบื้องต้นคืนให้กับทางโรงเรียน พร้อมออกมาแถลงผ่านสื่อว่า ต้องการให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างและจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image