ครูวัย 61 ปี ที่ถูกแม่เด็กหญิง 9 ขวบแจ้งจับฐานอนาจารบังคับเด็กจับนกเขาภายในรถตู้รับส่งนักเรียนนานนับปี ปฏิเสธลั่นแค่ให้เด็กยื่นมือมาตรวจเล็บ และตรวจการแต่งกายทุกอย่าง เป็นห่วงเด็กทั้งร่างกาย ถามกระทั่ง ‘วันนี้ใส่กางเกงในไหม’ อยากรู้ใครแนะให้แจ้งความ พร้อมขอความเป็นธรรม
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม น.ส.ประทุมทอง (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ชาว ต.สะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พา ด.ญ.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 9 ปี ลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดบุรีรัมย์ แจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.หญิง มริสา ศรีสุยงค์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ให้เอาผิดกับนายบรรยงค์ หรือครูยงค์ อดีตข้าราชการครู ฐานอนาจาร ด.ญ.เอ๋ หลายครั้งนานร่วม 1 ปี
นางประทุมทองเล่าว่า ให้ลูกสาวไปเรียนในตัวเมืองเพราะอยากให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษเพิ่ม เพราะพ่อเป็นชาวต่างชาติ โดยได้ขึ้นรถตู้รับส่งนักเรียนไปกลับทุกวัน ใช้บริการรถตู้ของครูยงค์ซึ่งเพิ่งเกษียณอายุราชการเมื่อเดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา และมีความไว้ใจเนื่องจากเป็นคนมีความรู้
ทุกวันลูกจะต้องตื่นเช้ากว่าเพื่อนในรถตู้เนื่องจากบ้านอยู่ปลายทางของรถรับส่ง ห่างจากอีกหมู่บ้านหนึ่งประมาณ 3 กม. ครูยงค์จะต้องมารับลูกสาวก่อนตอนเช้า และจะต้องมาส่งเป็นคนสุดท้ายทุกวัน ขามารับและขาส่งกลับบ้าน ครูยงค์จะให้ลูกสาวนั่งหน้ารถ เท่ากับลูกสาวจะต้องนั่งหน้ารถกับครูยงค์สองต่อสองระยะทางขาละ 3 กม.
แต่ระยะหลังลูกสาวบ่นไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากนั่งรถตู้ แม่พยายามปลอบว่าอยากให้หนูเรียนเก่งๆ เรียนภาษาอังกฤษให้พูดกับพ่อได้อย่างคล่องแคล่ว ลูกสาวรับปากจะตั้งใจเรียน แต่ยังไม่อยากจะนั่งรถตู้อยู่ดี
สุดท้ายลูกต้องเอ่ยปากว่าถูกครูยงค์บังคับเอามือลูกสาวจับอวัยวะเพศ รู้สึกช็อก ปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน แต่ยังไม่แจ้งให้ครูยงค์ทราบ แล้วพามาแจ้งความทันทีเพราะรับไม่ได้ โดยจะไม่ขอยอมความใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน ด.ญ.เอ๋ เผยว่ากลัวครู เพราะถูกบังคับมาตั้งแต่ปี 2563
ด้านนายบรรยงค์ อดีตข้าราชการครู ได้ออกมาระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง ตนแค่ขอตรวจเล็บมือเด็กระหว่างนั่งรถมาด้วยกัน ซึ่งจะต้องเอามือยื่นมาบริเวณหน้าตักเท่านั้น เด็กอาจจะเล่าให้แม่ฟังแต่แม่เข้าใจผิด
นายบรรยงค์กล่าวด้วยว่า ปกติตนเป็นคนรักเด็ก เป็นห่วงทุกคน ทั้งกิริยามารยาทและการแต่งกาย ภายในรถจะซื้ออุปกรณ์เครื่องกาย เช่น เข็มกลัด, กระดุม, หวีและแป้ง รวมถึงมีดตัดเล็บ มาไว้ในรถ หากพบว่าเด็กเล็บยาวจะให้ตัดต่อหน้าเอง ไม่เคยจับมือเด็ก ยอมรับว่าเป็นห่วงเด็กทั้งร่างกาย หลายครั้งถามเด็กแม้กระทั่งว่า “วันนี้ใส่กางเกงในหรือไม่” ถ้าเด็กตอบว่าไม่ได้ใส่ จะดุด่า แล้วสั่งสอนด้วยความเป็นห่วง ย้ำให้ใส่ทุกวัน
จึงอยากจะเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะเรื่องแบบนี้ทำให้ตนเสื่อมเสียชี่อเสียง ส่วนตัวอยากรู้ว่าใครเป็นคนพาไปแจ้งความ เพราะถือว่าเป็นการใส่ร้ายทำให้ตนได้รับความเสียหาย
