แม่วอนคู่กรณีรับผิดชอบ หลังลูกชายวัย 1 ขวบ ถูก จยย. ทับ หัวใจหยุดเต้น 2 รอบ ยื้อไว้ได้แต่ยังโคม่า
วันที่ 19 มีนาคม 2564 จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กล้องวงจรปิดของร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ห้วยกรด ความยาวประมาณ 1 นาที เผยให้เห็นรถจักรยานยนต์ 2 คันที่ขับตามกันมา จู่ๆก็เกิดกลุ่มฝุ่นขนาดใหญ่และหนาแน่นสีน้ำตาลเข้มจากลมหมุนพัดขึ้นมาบนถนน ทำให้รถคันหน้าต้องเบรกกะทันหัน และเหมือนไปชนเข้ากับอะไรบางอย่าง จนรถสะบัดพลิกคว่ำ ทำให้คนขับซึ่งเป็นผู้หญิงและเด็กชายอายุ 1 ขวบที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นยาย กระเด็นตำลงไปนอนอยู่บนพื้นถนน
และเป็นจังหวะเดียวกับที่รถจักรยานยนต์ซึ่งมีชาย 2 คน ขี่ซ้อนกันมา ที่พยายามหักหลบแต่ไม่พ้น จึงทับเข้าที่ร่างของหนูน้อยอย่างเต็มเปา และเสียหลักล้มไปอีกคัน หลังฝุ่นควันจางลงชาย 2 คน ได้เข้ามาดูอาการของทั้ง 3 คน ก่อนที่จะตั้งสติได้แล้วรีบขับรถของตนหลบหนีไป โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากล้องวงจรปิดสามารถจับภาพเอาไว้ได้อย่างชัดเจน
โดยเด็กชายอายุขวบเศษผู้โชคร้ายถูกรถคู่กรณีทับนั้น อาการสาหัส ไม่ได้สติ มีเลือดออกปาก ออจมูก และมีบาดแผลตามตัว ซึ่งญาติเปิดเผยว่าหลังจากเด็กถึงมือแพทย์ พบว่ากระดูกซี่โครงหักทิ่มปอด เลือดคั่งในสมอง และขาหัก อาการโคม่า
ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งพบว่าจุดดังกล่าวเป็นถนนทางตรงเชื่อมระหว่าง ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี เข้าไปยังตัวเมืองชัยนาท สภาพถนนค่อนข้างดี ราบเรียบ ริมถนนที่เกิดเหตุตามคลิปไม่มีร่องรอยการชนเข้ากับสิ่งใด มีเพียงรอยล้มและไถลของรถทั้ง 2 คัน
ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อพูดคุยกับนางสาวปัทมวรรณ จันโท อายุ 20 ปี คนขับรถจักรยานยนต์และแม่ของเด็กชายอายุ 1 ขวบที่อยู่ในคลิป ซึ่งเปิดเผยว่าขณะเกิดเหตุกำลังขับรถกลับบ้านพัก ที่อีกประมาณ 500 เมตรก็จะถึง
“จู่ๆ ก็มีลมหมุนพัดเอาฝุ่นขึ้นมาบนถนนอย่างแรง ตนเองตกใจจึงกำเบรกกะทันหัน ประกอบกับแรงลมเข้ามาปะทะด้านข้าง ทำให้รถเสียหลักล้ม จนคุณยายที่อุ้มน้องธีรวัชซ้อนท้ายมากระเด็นไปกลางถนน จนน้องหลุดมือ ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ตามหลังมาเหยียบเข้าที่ร่างของน้องอย่างจังจนน้องสลบและบาดเจ็บสาหัส” นางสาวปัทมวรรณ กล่าว
โดยคุณแม่เล่าถึงอาการล่าสุดของเด็กว่า ทางครอบครัวคงต้องทำใจแล้ว เพราะตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล น้องก็อยู่ในห้อง ICU ตลอด และหัวใจของน้องหยุดเต้นมา 2 รอบแล้ว แต่ทีมแพทย์ยังยื้อชีวิตไว้ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสรอดมากน้อยแค่ไหน เพราะน้องบาดเจ็บรุนแรงมาก
คุณแม่เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ตนเองอยู่ในสภาพที่ตกงาน เพราะต้องเลี้ยงลูก สามีก็มาถูกจับติดคุกไปเมื่อไม่นาน จึงเหมือนคนหมดสิ้นหนทาง เพราะทางบ้านฐานะยากจน ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมารักษาน้อง จึงวอนให้คู่กรณีที่ขับรถทับน้อง กลับมาแสดงความรับผิดชอบเพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะรถของคุณแม่เองก็ไม่มี พรบ.คุ้มครอง
