อ.รัฐศาสตร์ เล่านาที ส.ส.แปดริ้ว พปชร. รัวหมัด-ถีบยอดอก บอก ‘กูอยากเจอมึงนานแล้ว’

อ.นพพร เล่านาที ส.ส.แปดริ้ว พปชร. รัวหมัดถีบยอดอก บอก “กูอยากเจอมึงมานานแล้ว” ลั่น ไม่ปล่อยผ่าน เตรียมเก็บหลักฐานฟ้องคดีอาญา รอดูกระบวนการยุติธรรม จะชนะอิทธิพลหรือไม่

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม จากกรณี ผศ.นพพร ขุนค้า อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ และเป็นประธานสภาคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย ถูกนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ทำร้ายร่างกายเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 มีนาคม) หลังไม่พอใจที่ผศ.นพพร ไปช่วยผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ของคณะก้าวหน้าหาเสียง ซึ่งเป็นคู่แข่งของบิดาตัวเอง คือ นายกิตติ เป้าเปื่ยมทรัพย์

โดย ผศ.นพพรกล่าวว่า เมื่อคืนวันที่ 26 มีนาคม หลังจากตนสอนหนังสือเสร็จได้ไปดื่มกับเพื่อนอาจารย์ที่ร้าน 13 November หน้าสถานีรถไฟฉะเชิงเทรา ตั้งแต่เวลาประมาณ 20.00 น. จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาประมาณ 23.00 น. ตนก็เห็นนายชัยวัฒน์เดินเข้ามานั่งกินดื่มกับลูกน้องที่ร้าน ซึ่งตอนแรกตนก็ไม่ได้สนใจอไร จนเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืน ตนได้เช็กบิลเสร็จแล้วกำลังจะกลับบ้านพักผ่อน ขณะที่เดินไปเข้าห้องน้ำ ได้พบกับนายชัยวัฒน์ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างหน้าห้องน้ำ ตนก็ทักทายไหว้นายชัยวัฒน์ตามปกติวิสัย

แต่แล้ว นายชัยวัฒน์กลับถามกับตนชึ้นมาว่า “มึงช่วยนายกสิงห์ (ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา ในนามคณะก้าวหน้า) เหรอ?” ตนก็ตอบไปว่าตนไม่ได้ช่วยหาเสียงเพราะเป็นข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐ เพียงแค่ช่วยคิดนโยบายหาเสียงให้

จากนั้น นายชัยวัฒน์จึงพูดขึ้นมาว่า “กูอยากเจอมึงมานานแล้ว มานี่หน่อย” แล้วรัวหมัดชกตนไป 4-5  หมัด เมื่อเห็นท่าไม่ดีตน จึงรีบปลีกออกมา ระหว่างที่เดินไปเรียกเพื่อนให้กลับบ้านกัน นายชัยวัฒน์เดินตามมาหาแล้วเรียกให้ตนไปนั่งที่โต๊ะ ซึ่งลูกน้องของนายชัยวัฒน์ก็ช่วยเกลี้ยกล่อมจนตนยอมไปนั่งด้วย

Advertisement

ผศ.นพพรกล่าวว่า จากนั้น นายชัยวัฒน์จึงพูดกับตนขึ้นมาว่า “มึงไปช่วยมันทำไม มึงเป็นอะไรกับบ้านกู” ก่อนจะรัวหมัดใส่ตนอีก 4-5 หมัด แล้วถีบหน้าอก 2 ครั้ง จนลูกน้องพยายามห้ามจนทำให้ตนปลีกตัวออกมาได้ แล้วจึงได้เดินมาขึ้นรถ ก่อนเดินทางไปสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา เพื่อแจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย พร้อมกับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลต่อไป หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนได้ทราบมาว่ามีการใช้อิทธิพลเพื่อเรียกเก็บกล้องวงจรปิดจากทางร้านไปแล้ว แต่ตนก็หวังว่าทางเจ้าหน้าที่จะสามารถติดตามทวงถามหลักฐานจากกล้องวงจรปิดกลับมาเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้

ผศ. นพพรกล่าวว่า กรณีนี้ ตนอยากขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ แม้จะเป็นเหตุลหุโทษ แต่ตนก็จะรวบรวมพยานหลักฐานกรณีนี้ไปฟ้องต่อศาลเพื่อให้ดำเนินคดีอาญาต่อไป รวมทั้งตนจะนำเรื่องนี้ไปสู่การฟ้องร้องในคดีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง เป็น ส.ส. กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมต่อไป

“เรื่องนี้สะท้อนสังคมอิทธิพลในท้องถิ่น คุณเป็น ส.ส.แต่กลับทำตัวแบบนี้ ใช้อิทธิพลคุกคามคนอื่นได้ กรณีนี้ถ้าไม่มีการดำเนินการ หรือปล่อยผ่านเรื่องไปเราจะอยู่กันอย่างไร ถ้าอิทธิพลสามารถเอาชนะความยุติธรรมได้ สังคมไทยเราจะอยู่กับอย่างไร ผมหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจากนี้จะมีการติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจังต่อไป” ผศ.นพพรกล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image