พ่อเผยทั้งน้ำตา ลูกยังโคม่า-หมอบอกอาจอยู่ได้อีกไม่นาน ปมเด็ก 10 ขวบ ถูกพลุงานฌาปนกิจตกใส่หัว

เด็กนักเรียนหญิงโคราชเคราะห์ร้าย ถูกพลุงานศพตกใส่ศีรษะสาหัส ล่าสุดอาการยังโคม่า แพทย์ระบุอาจอยู่ได้ไม่นาน พ่อบอกยังทำใจไม่ได้ ส่วนคดีความให้เป็นไปตามกฎหมาย

จากกรณีพลุตกใส่ศีรษะเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) อายุ 10 ปี ขณะยืนรอแม่มารับกลับบ้าน ที่บริเวณหน้าโรงเรียนอาจวิทยา ต.ตะคุ อ.ปักธงชัย เมื่อเวลา 15.58 น. วานนี้ (29 มีนาคม 2564) หน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุดอำเภอปักธงชัย จ.นครราชสีมา จนได้รับบาดเจ็บบริเวณกลางศีรษะ เป็นแผลฉกรรจ์ เลือดไหลนองพื้น ไม่ได้สติ อาการสาหัส ต้องนำตัวส่งไปรักษาที่ รพ.ปักธงชัย อย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากมีอาการสาหัสและเสียเลือดมาก จึงต้องส่งต่อไปรักษาที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา เข้าห้องไอซียูเพื่อช่วยชีวิตนั้น

อ่านข่าว – นร. หญิง 10 ขวบ เคราะห์ร้าย ยืนรอแม่หน้าโรงเรียน ถูกพลุจุดงานฌาปนกิจศพตกใส่หัว เจ็บสาหัส

ล่าสุด วันนี้ (30 มีนาคม) นายนิรุตติ อายุ 41 ปี พ่อเด็กหญิงเอ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้น้องยังโคม่า อาการหนักมาก ใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ ซึ่งวันเกิดเหตุตอนเช้าน้องปั่นจักรยานไปโรงเรียน แต่ตอนเย็นเดินกลับ คาดว่าน่าจะลืม จึงเดินกลับกับเพื่อน

Advertisement

“โดยแพทย์ที่เฝ้าดูอาการบอกมาตรงๆ ว่าน้องไม่น่าจะอยู่ได้นาน แต่ส่วนตัวแล้วยังมีความหวังอยู่ น้องเป็นลูกคนเดียว เป็นคนร่าเริง สนุก ชอบคุย ก่อนเกิดเหตุไม่มีลางบอกเหตุใดๆ และเช้าในวันเกิดเหตุตนและภรรยาก็รีบไปทำงาน ไม่ทันได้คุยอะไรกันมาก มารู้อีกทีว่าลูกประสบอุบัติเหตุก็ตอนที่ภรรยาโทรไปบอกในช่วงเย็น ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ ส่วนเรื่องคดีความให้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนเรื่องอื่นๆ ค่อยพูดคุยกันอีกที” พ่อของเด็กกล่าว

นางจิตใส อายุ 74 ปี ป้าของเด็กหญิงเอ ผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า เวลาประมาณ 16.00 น. เด็กนักเรียนชั้น ป.1-ป.3 จะเลิกเรียนก่อน และทยอยกันกลับบ้าน ซึ่งในช่วงเกิดเหตุได้ยินเสียงดังโครม ผู้ปกครองที่มารอรับลูกหลานต่างพากันตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งตนก็รีบวิ่งข้ามถนนไปดู ก็พบว่าเป็นหลานของตนเองที่ประสบเหตุ มีคนนำร่มมากางบังแดดให้เพราะน้องนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นถนน

นางจิตใสกล่าวว่า ขณะนั้นตนพยายามร้องเรียกหลานตลอดเวลา และสังเกตเห็นว่ามีชิ้นส่วนของพลุทิ่มไปที่กลางศีรษะของหลาน ส่วนตำรวจก็เดินไปบริเวณใกล้เคียงเก็บซากพลุที่หักใส่ถุงไว้เป็นหลักฐาน รอรถพยาบาลนำหลานไปส่งรักษา แต่ก็นำไปไม่ได้เพราะไม่มีเครื่องช่วยหายใจ รอจนคันที่ 3 มาถึงจึงสามารถนำหลานส่งโรงพยาบาลได้ และเมื่อมารู้ว่าอาการสาหัสมากก็รู้สึกเป็นห่วง ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับลูกหลานของตนเอง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image