เชียงใหม่สรุปไฟป่าไหม้ดอยสุเทพ เหตุคนหาของป่า เสียหายกว่า 100 ไร่ ผู้ว่าฯสั่งระดมกำลังลาดตระเวน

เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จ.เชียงใหม่ นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมประชุมกับคณะทำงานแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จ.เชียงใหม่ โดยมี นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม และรายงานถึงสภาพอากาศในปัจจุบัน การเกิดจุดความร้อนในพื้นที่ และค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมถึงแนวทางการแก้ไขที่ได้ร่วมกันบูรณาการของทุกภาคส่วนในพื้นที่

โดย นายเชษฐา ขอให้คณะทำงานดำเนินการในภาคพื้นดินอย่างเข้มงวดด้านการลาดตระเวน การคุมเข้มพื้นที่ และการชี้เป้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการดับไฟได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย รวมทั้งการดำเนินการในทางด้านอากาศยานก็จะได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

หลังการประชุม นายธนา นวลปลอด หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงใหม่ แถลงสถานการณ์ไฟป่าในพื้นว่า ที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่เกิดจุดความร้อนทั้งหมด 7,523 จุด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-2 เมษายน 2564 จากสถิติปีที่ผ่านมาเกิดจุดความร้อนขึ้นถึง 17,251 จุด และตลอดทั้งปี 2563 ที่ผ่านมา เกิดจุดความร้อนทั้งหมด 21,658 จุด ในปีนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้ลดจุดความร้อนลงไปได้ถึงกว่า 50% ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก

“ปีที่ผ่านมาเกิดจุดความร้อนมากในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม, เชียงดาว และแม่แตง ทางจังหวัดบริหารจัดการเชื้อเพลิง ได้ออกประกาศในโซนใต้ ตั้งแต่วันที่ 1-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนพื้นที่ทางโซนเหนือได้เริ่มวันที่ 1 มีนาคม-30 เมษายน 2564

Advertisement

“ในส่วนพื้นที่มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของระบบดาวเทียมว่าพื้นที่ในการเผาไหม้ที่เกิดขึ้นจะมีพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 1,364,016 ไร่ในปีที่ผ่านมา ในปีนี้เนื่องจากการตรวจสอบของดาวเทียมยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบอยู่” นายธนากล่าว

นายธนากล่าวต่อว่า จุดความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นถึง 264 จุด เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 ในเขตโซนเหนือ คือ อ.เชียงดาว และ อ.แม่แตง จากการตรวจสอบจากดาวเทียมได้วิเคราะห์จุดความร้อนที่พบทั้งหมดแล้ว ตรวจพบว่ามีเพียง 12 จุดใหญ่ๆ แต่ที่กระจายไปถึง 264 จุด เพราะอยู่ห่างกัน 375 เมตร ทำให้มองว่าเป็นจุดความร้อนเพิ่มมากขึ้น โดยพื้นที่ตรวจพบทั้งหมดอยู่ในเขต อ.เชียงดาว, พร้าว และแม่แตง

นายธนากล่าวว่า การเกิดจุดความร้อนแบ่งเป็นกลุ่ม เป็นโซน ซึ่งศูนย์บัญชาการฯส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดับไฟในพื้นที่ กระทั่งจนถึงช่วงบ่ายของวันที่ 1 เมษายน สามารถดับได้เหลือเพียง 60 กว่าจุด และดำเนินการดับไฟอย่างต่อเนื่อง แล้วใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง สามารถดับไฟได้ทั้งหมด 264 จุด

Advertisement

“ส่วนวันที่ 2 เมษายน เกิดจุดความร้อน 154 จุด แบ่งเป็น 12 กลุ่มใหญ่ในพื้นที่ อ.พร้าว, เชียงดาว และเวียงแหง จังหวัดสั่งการให้หน่วยในพื้นที่เข้าดำเนินการ โดย นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ทำหนังสือขอรับการสนับสนุนอากาศยานมาช่วยแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ โดยขอไปยังกองทัพภาคที่ 3 รวมไปถึงกองทัพบก เอามาเสริมกำลังเดิมที่มีอยู่ในส่วนของกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย กรมฝนหลวง

“รวมถึงอากาศยานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยังมีอากาศยานไร้คนขับ UAV (เครื่องบินโดรน) ออกไปสำรวจเพื่อเข้าไปบริหารจัดการจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะได้ดูว่าทำอย่างไรให้สามารถดับไฟได้โดยเร็ว” นายธนากล่าว

นายธนากล่าวอีกว่า ส่วนเหตุไฟไหม้ใกล้ บ้านขุนช่างเคี่ยน นั้น เกิดในพื้นที่สูงชันตั้งแต่ช่วงเย็นเวลาประมาณ 16.00-17.00 น. ของวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา โดยนำกำลังของเจ้าหน้าที่จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยเสือไฟ มทบ.ที่ 33 อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จิตอาสา เข้าไปร่วมดับไฟในครั้งนี้ ทำให้สามารถควบคุมไฟป่าได้เวลาประมาณ 02.00 น.

นายธนาระบุว่า ในช่วงเช้านี้ได้เฝ้าระวังในจุดที่ตอไม้ยังดับไม่สนิทอยู่ ทั้งนี้ สาเหตุของการเกิดไฟป่ายังคงมาจากการเข้าไปหาของป่า แล้วไฟได้ลุกลามไปยังหน้าผาสูงชัน แต่ก็สามารถดับได้ ซึ่งความเสียหายในพื้นที่ไม่เกินประมาณ 100 ไร่ ซึ่งอยู่ในช่วงที่ของเฝ้าระวังและการสำรวจความเสียหายที่ชัดเจนอีกครั้ง

“เชียงใหม่มีจุดยุทธศาสตร์ทั้งหมดอยู่ 2 ดอย คือ ดอยสุเทพ-ปุย และ ดอยหลวงเชียงดาว ในส่วนของดอยหลวงเชียงดาว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่สั่งระดมกำลังทุกภาคส่วน ทั้งกองทัพภาคที่ 3 พี่น้องทหาร อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครอง และจิตอาสา และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นหนักเรื่องของการลาดตระเวน ตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน

“จ.เชียงใหม่ประกาศปิดป่าไปเรียบร้อยแล้ว เพราะอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า หากท่านเข้าไปในเขตพื้นที่ป่าก็จะถือว่ามีความผิด และจะมีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการตั้งจุดตรวจจุดสกัดป้องกันการลักลอบเข้าไปในป่า หากท่านมีเหตุผลมีความจำเป็นก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ” นายธนากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image