เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ห้องพยาธิวิทยากายวิภาค โรงพยาบาลตราด นายมามและนางจี่ เกาะสอด บิดาและมารดาของน้องมาลี หรือ น.ส.มาลี ดวงดี ผู้หญิงที่มีความสูงที่สุดในโลกเดินทางมารับศพน้องมาลีที่เสียชีวิตด้วยอาการความดันต่ำ เมื่อเวลา 12.30 น. ของวันที่ 27 สิงหาคม ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด
นางจี่เล่าให้สื่อมวลชนทราบว่า ก่อนหน้าเสียชีวิต 1 วันได้นำน้องมาลีมารักษาอาการเจ็บเท้าที่โรงพยาบาลตราด ซึ่งเป็นอาการปกติเนื่องจากเท้ารับน้ำหนักตัวมาก หลังจากนั้นในคืนวันที่ 27 สิงหาคม เวลา 02.00 น. น้องมาลีได้เรียกแม่ว่าปัสสาวะออกมา จึงจะพาน้องมาลีไปหาหมอ เพราะอาการไม่ดี และเมื่อช่วงขึ้นรถยนต์น้องมาลีก็มีอุจาระออกมาอีก และเริ่มไม่รู้สึกตัว เมื่อมาถึงโรงพยาบาล อ.บ่อไร่ ทางโรงพยาบาลได้ทำการช่วยชีวิตด้วยการปั๊มหัวใจ แต่อาการไม่ดีขึ้นจึงได้ฉีดยากระตุ้นหัวใจให้อีกครั้ง ต่อมาได้นำตัวน้องมาลีมาที่โรงพยาบาลตราด ซึ่งเดินทางถึง 04.30 น. แพทย์ได้ทำการช่วยชีวิตและนำเข้าห้องฉุกเฉิน แต่ที่สุดน้องมาลีเสียชีวิตไปในเวลา 12.30 น. ของวันที่ 27 สิงหาคม
“สงสารน้องมาลีมาก เพราะเกิดมาก็เป็นคนที่ไม่สมบูรณ์ แม่และพ่อได้พยายามช่วยเหลือด้วยการรักษาและได้รับการช่วยเหลือทั้งจากโรงพยาบาลตราด โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลรามาธิบดี ที่นำไปรักษาอาการเติบโตของร่างกาย แต่สุดท้ายไม่สามารถช่วยชีวิตน้องไว้ได้ โดยเฉพาะในช่วงปีสุดท้าย น้องมาลีต้องเข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาล จ.ตราดมาโดยตลอด เพราะเท้าเจ็บและอาการข้างเคียง เสียใจมากที่ไม่สามารถช่วยชีวิตน้องไว้ได้”
นายมามบอกว่า หลังจากน้องมาลีเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา ทำให้วิถีชีวิตของน้องมาลีและครอบครัวเปลี่ยนไป เพราะมีสื่อมวลชนทุกช่อง ทุกฉบับเดินทางมาทำข่าว และนำไปออกรายการข่าวต่างๆ ตลอดระยะ 2-3 ปี และจากการเป็นข่าวทำให้น้องมาลีได้รับการรักษาอาการป่วยของร่างกายที่ใหญ่โตจากแพทย์โรงพยาบาล จ.ตราด และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้เข้ามาช่วยเหลือและทำการผ่าตัดสมอง เพื่อควบคุมต่อมที่ควบคุมการเจริญเติบที่ทำงานผิดปกติให้กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งช่วงปีแรกน้องมาลีสูงถึง 204 ซม. และสูงขึ้นเป็น 207 ซม.ในปีที่ 2 และยังสูงเพิ่มขึ้นเป็น 212 ซม. อายุตอนนั้น 16 ปี ซึ่งในปีนี้ ทางกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ต ได้บันทึกไว้ “น้องมาลีคือเด็กหญิงที่สูงที่สุดในโลก” อย่างไรก็ตาม การรักษาน้องมาลีได้ทำการผ่าตัดสองครั้ง แต่ครั้งที่สาม แพทย์เกรงจะเกิดอันตรายจึงเปลี่ยนมาให้ยาแทน แต่ค่ายารักษาแพงมาก ครั้งละ 55,000 บาท/โดส์ อย่างไรก็ตามกินยาได้ไม่กี่ครั้งอาการน้องมาลีก็ยังไม่ดีขึ้นเพราะร่างกายใหญ่โตเกินกว่าปริมาณยาที่ไม่สมดุลกับร่างกาย จนก่อนเสียชีวิตน้องมาลียังมีความสูงเพิ่มขึ้นมาถึง 217 ซม.”
“รู้สึกเสียใจมากที่ในปีสุดท้ายไม่สามารถทำการรักษาน้องมาลีได้ และทำให้น้องมีอาการเจ็บป่วยบ่อย ต้องเดินทางมาพบแพทย์เป็นประจำ สงสารลูก อยากบอกลูกว่าชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดมาเป็นลูกอีกครั้ง และขอให้ร่างกายของลูกปกติเหมือนเด็กคนอื่นๆ”
เวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตราดเดินทางมาที่ห้องพยาธิวิทยากายวิภาคเพื่อนำศพน้องมาลีมาใส่โรงศพขนาดความยาวพิเศษ ที่ร้านสาวสังฆภัณฑ์ได้สั่งทำเป็นพิเศษใช้เวลา 20 ชม. โดยต้องทำความยาวถึง 220 ซม. แต่ความกว้างจะปกติ 85 ซม. ซึ่งปกติจะมีความยาวประมาณ 185 ซม. สำหรับผู้ใหญ่ทั่วไป ส่วนความกว้าง 85 ซม. ซึ่งต้องใช้คน 2 คนกางมือต่อกันได้ 3 ช่วงแขนกว่าจึงจะยาวถึงความยาวของโรง ส่วนที่เก็บศพในห้องเย็นมีขนาดความยาวเพียง 200 ซม. จึงต้องให้ช่วงขาน้องมาลียกขึ้นเพื่อให้ใส่ได้พอดี
ส่วนระหว่างการนำศพน้องมาลีออกมามีญาติและบิดามารดาของมาลี ต่างเฝ้ารอเพื่อจะรับศพ ซึ่งพ่อแม่และญาติยังไม่พบศพน้องมาลีมาก่อน เมื่อเจ้าหน้าที่นำศพน้องมาลีออกมา เพื่อบรรจุลงในโลงทั้งบิดาและมารดาได้ร้องไห้อย่างน่าสงสาร และพูดออกมาเป็นภาษาชาวมอญ ยิ่งทำให้บรรยากาศเศร้าโศกมากยิ่งขึ้น
สำหรับ น.ส.มาลี ดวงดี ได้เป็นตกเป็นข่าวจนโด่งดังถึงความสูงของตัวเอง เมื่อปี 2006 ตอนนั้นในนามของเด็กหญิงมาลี ดวงดี วัย 14 ปี ที่มีความสูงถึง 207 ซม. มีการนำเสนอข่าวกันอย่างครึกโครม ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และในปี 2011 ความสูงของมาลีได้เพิ่มขึ้นถึง 212 ซม. เมื่ออายุได้ 19 ปี ได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยกรมการแพทย์ให้การช่วยเหลือในเรื่องการรักษาเนื้องอกที่เกิดทับต่อมพิทูอิทารีที่กดทับจนทำให้ร่างกายเติบโตผิดปกติจนสามารถหยุดความสูงไว้ได้ที่ 214 ซม. น.ส.มาลีได้รับการบันทึกจากกินเนิสส์บุ๊กว่าเป็นผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก ในปี 2009 โดย น.ส.มาลีต้องประสบปัญหาการใช้ชีวิตประจำวันเนื่องจากความสูงของร่างกาย และน้ำหนัก ทำให้ต้องเข้ารับการรักษา ที่โรงพยาบาลตราดอยู่บ่อยครั้ง กระทั่งล่าสุด ที่เข้ารับการรักษาเนื่องจากระบบความดันผิดปกติ พ่อแม่ของ น.ส.มาลีได้นำตัวส่งที่โรงพยาบาลบ่อไร่ในพื้นที่ที่ครอบครัวพักอาศัยอยู่ และได้ถูกส่งต่อมายังโรงพยาบาลตราด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
