เชียงใหม่ พบผู้เสียชีวิตจากโควิด 2 ราย มีโรคประจำตัวทั้งคู่ เผยระบาดในครอบครัว

เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ นพ.วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ร่วมกันแถลงสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในวันนี้จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 57 ราย ถือเป็นแนวโน้มที่ดี และระยะหลังนี้ส่วนมากเป็นการแพร่ระบาดในที่ทำงาน ชุมชน และในครอบครัว

นพ.วรเชษฐ กล่าวชี้แจงกรณีผู้ป่วยที่เสียชีวิตในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้ง 2 ราย ว่า รายแรก เป็นหญิงไทย อายุ 48 ปี มีโรคประจำตัวคือโรคไทรอยด์ มีอาการไข้ ปวดตัว เจ็บคอ ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 20 เมษายน ต่อมามีอาการทรุดลง จึงนำส่งตัวมายังโรคพยาบาลนครพิงค์ มีการช็อก และติดเชื้อในกระแสเลือด เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา

นพ.วรเชษฐกล่าวว่า ส่วน รายที่สอง เป็นชายไทย อายุ 49 ปี มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคอ้วน มีน้ำหนัก 116 กิโลกรัม เริ่มมีอาการไข้ ไอ หายใจเหนื่อย ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน และตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับเข้ารักษาและให้ยาทันที ต่อมาในวันที่ 25 เมษายน มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ จึงส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ และเสียชีวิตในวันเดียวกัน

“มีข้อสังเกตว่าทั้ง 2 รายติดเชื้อมาจากคนในครอบครัว และเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่เดิมก่อนแล้ว จึงขอให้ประชาชนเฝ้าระมัดระวังและป้องกันตนเองไม่นำเชื้อมาแพร่สู่คนในครอบครัว” นพ.วรเชษฐกล่าว

Advertisement

นพ.วรเชษฐกล่าวว่า ในส่วนของการฉีดวัคซีนนั้น ขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ดำเนินการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 20,000 คน สำหรับวัคซีนที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับจัดสรรในล็อตที่ 3 ที่ได้มาแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดสรรเพื่อฉีดให้กับบุคคลากรทางการแพทย์ อสม. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อน ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อม หรือสามารถติดต่อลงทะเบียนได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป และจะเริ่มทำการฉีดในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

นายวีระพันธ์ กล่าวว่า ขอเน้นย้ำให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขที่กำหนดไว้ ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด ตลอดจนงดการรวมกลุ่มที่ไม่มีความจำเป็นลง โดยขอความร่วมมือกับหน่วยงาน บริษัท และห้างร้านต่างๆ กำหนดนโยบายให้พนักงาน Work Form Home และประชุมออนไลน์แทน

นายวีระพันธ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้มีการค้นหาเชิงรุก และสุ่มตรวจในกลุ่มผู้สูงอายุที่บ้านธรรมปกรณ์ และกลุ่มเด็กนักเรียนในโรงเรียนวัดดอนจั่น เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่พบผู้ติดเชื้อแฝงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อีก

Advertisement

“จากสถานการ์ที่ผ่านมาคณะกรรมการโรคติดต่อได้มีประกาศคำสั่งต่างๆ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนตามมาตรการควบคุมโรค จึงขอให้ประชาชนปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ได้ออกมาอย่างเคร่งครัด พร้อมให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อป้องกันข่าวปลอมต่างๆ ที่เกิดขึ้น” รองผู้ว่าฯเชียงใหม่กล่าว

ด้าน ดร.ทรงยศ กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงเหลือเพียง จำนวน 57 รายเท่านั้น รวมผู้ติดเชื้อสะสมในระลอกเดือนเมษายน 3,359 ราย เป็นผู้ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกแห่ง ทั้งโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลรัฐฯ โรงพยาบาลเอกชน และ Hospitel จำนวน 2,044 ราย และรักษาหายแล้ว 1,315 ราย

ดร.ทรงยศกล่าวว่า สำหรับการจตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง จากผู้ตรวจ 2318 ราย พบมีการติดเชื้อเพียง 3.15% ซึ่งมีอัตราลดลง ส่วนอัตราการสัมผัสเชื้อในครอบครัว ชุมชน และที่ทำงานพบเพิ่มมากขึ้น ส่วนการตรวจค้นหาเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ซึ่งได้ออกสุ่มตรวจทุกวัน พบผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการและแฝงตัวอยู่ในชุมชนเพียงแห่งละ 1-2 คนเท่านั้น หลังจากค้นพบผู้ติดเชื้อจะได้นำเข้าสู่ระบบทางสาธารณสุขทันที เพื่อไม่มีการแพร่กระจายเชื้อในชุมชน

“สำหรับคลัสเตอร์ต่างๆ ยังไม่มีการพบคลัสเตอร์ใหม่ในจังหวัดเชียงใหม่ และจากการที่พบในหน่วยงานพบเพิ่มอีก 2 ราย ส่วนงานศพที่อมก๋อย เพิ่มอีก 1 ราย ส่วนคลัสเตอร์อื่นๆ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ในขณะที่คลัสเตอร์เรือนจำกลาง จังหวัดเชียงใหม่ใช้ระบบ Bubble and Seal เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดออกไปสู่ชุมชนด้านนอก

“จึงขอย้ำเตือนให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศออกไปอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19” ดร.ทรงยศกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image