จับกุมแก๊งรีดไถอ้างตัวเป็นทหาร มทบ.42 ขู่รีดเงินร้านขายของชำ 1 หมื่นบาท ที่แอบขายบุหรี่ต่างประเทศ เจ้าของพบพิรุธแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ เจอของจริงถึงกับเข่าอ่อนเป็นลมล้มฟุบหน้าร้านจับได้ 1 คน ส่วน 4 คน เห็นท่าไม่ดีขึ้นรถกระบะหลบหนีไปได้
วันที่ 2 พฤษภาคม รายงานข่าวว่า ตำรวจ สภ.บางกล่ำ ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอบางกล่ำและทหารมณฑลทหารบกที่ 42 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ร่วมกันเข้าตรวจสอบและจับกุมกลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวเป็นทหาร มทบ.42 และเข้าไปรีดเงินจากร้านขายของชำแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 7 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ซึ่งมีบุหรี่ต่างประเทศผิดกฎหมายจำนวนหนึ่งวางขายอยู่ภายในร้าน
โดยสามารถควบคุมตัวเอาไว้ได้ 1 คน คือ นายธวัชชัย นวลจันทร์ อายุ 42 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่หมู่ 5 ต.สนามชัย อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่สวมเสื้อกั๊กสีดำ มีป้ายแขวนคอหนังสีดำมีตรากองทัพบก สวมหมวกแก๊ปสีดำ บริเวณหน้าหมวกมีตรากองทัพบก มีข้อความ ROYAL THAI ARMY และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ส่วนเพื่อนอีก 4 คน ที่มาด้วยกันและอ้างเป็นเจ้าหน้าที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบขึ้นรถกระบะขับออกไปทันที
ส่วนนายธวัชชัย เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตัวจริงถึงกับเข่าอ่อนเป็นลมล้มฟุบทันทีที่หน้าร้านเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.บางกล่ำ พบว่าไม่ได้เป็นทหารหรือเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานใด แต่เคยเป็นอดีตทหารเกณฑ์มาก่อน และจากการสอบสวนก็ยอมรับสารภาพว่าปลอมตัวเป็นทหาร
พฤติกรรมของชายกลุ่มนี้อ้างว่า สังกัด ฉก.ทบ.และ กอ.รมน.ชุดของ ร.อ.สาธิต สุวรรณราช ผบ.ร้อย สห.มทบ.42 มาตรวจสอบภายในร้านและพบว่ามีบุหรี่ต่างประเทศอยู่จำนวนหนึ่ง โดยมีชายที่เรียกตัวเองว่าหมวดพล และเป็นหัวหน้าชุดได้โทรศัพท์มาหาเจ้าของร้านเรียกเงิน 1 หมื่นบาท แลกกับการไม่ถูกจับกุม และได้เดินทางมารับเงินแต่เจ้าของร้านต่อรองเหลือ 8 พันบาท
จากการสังเกตพฤติกรรมเกิดความสงสัยว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ จึงได้แจ้งไปยังตำรวจ สภ.บางกล่ำ ฝ่ายปกครองและทหาร มทบ.42 มาตรวจสอบ ก็พบว่าเป็นตัวปลอมที่แอบอ้างว่าเป็นทหารมารีดไถร้านค้า โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกรรโชกทรัพย์และแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น
สอบสวนขยายผลเพื่อนร่วมแก๊งอีก 4 คน ที่หลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่เผยว่า พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้จะแต่งตัวเลียนแบบเป็นเจ้าหน้าที่ตระเวนไปขอตรวจสอบร้านค้าและร้านขายของชำในพื้นที่หมู่บ้านต่างๆ และหากร้านใดที่ขายของที่เข้าข่ายผิดกฏหมายโดยเฉพาะบุหรี่ต่างประเทศก็จะเรียกเงินเพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุม ซึ่งมีเจ้าของร้านค้าหลายแห่งที่หลงเชื่อและไม่อยากเป็นคดีจึงยอมจ่ายเงินให้คนกลุ่มนี้
