เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 6 พฤษภาคม ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ 191 ของตำรวจภูธรจังหวัดยโสธร ได้รับแจ้งว่ามีคนแอบเข้าไปหลบอยู่ในรถโม่ปูน ลักษณะหวาดระแวงและพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยโสธร ไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอยู่ที่ถนนวารีราชเดช บริเวณด้านหน้าโรงแรมเดอะกรีนปาร์คแกรนด์ เขตเทศบาลเมืองยโสธร พบรถบรรทุกโม่ปูนยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่ริมถนน โดยมี นายสุขสัน สมหวัง อายุ 37 ปี คนขับรถโม่ปูนยืนหน้าตาตื่น รอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมชี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูว่ามีคนหลบอยู่ในโม่ปูน
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ที่หลบอยู่ด้านในรถโม่ปูนเป็นชาย อายุประมาณ 30 ปี มีอาการหวาดระแวง พูดจาไม่รู้เรื่อง และมีลักษณะคล้ายกับคนเสพยาบ้า ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตะโกนเรียกให้ขึ้นมาจากโม่ปูน โดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที ชายคนดังกล่าวจึงปีนขึ้นมาจากโม่ปูนด้วยอาการอ่อนเพลียและหมดแรง
หลังจากชายคนดังกล่าวออกจากโม่ปูนได้ก็ยังพูดจาไม่รู้เรื่อง และที่บริเวณข้อเท้าขวาพบกำไล EM ติดอยู่ และพอจับใจความได้ว่า ชายคนดังกล่าวหวาดกลัวว่าจะมีคนตามมาฆ่า จึงได้แอบหนีขึ้นไปหลบอยู่ในโม่ปูน โดยกระโดดขึ้นรถโม่ปูนขณะที่รถกำลังวิ่งผ่านชุมชน แต่คนขับมองไม่เห็น ก่อนจะมุดเข้าไปหลบในโม่ปูนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ไม่นานศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ 191 ของตำรวจภูธรจังหวัดยโสธรก็ได้รับแจ้งว่ามีชายถือมีดเดินไปตามถนนใกล้กับบ่อบำบัดน้ำเสีย ด้านหลังวัดศรีธรรมมาราม เขตเทศบาลเมืองยโสธร และชาวบ้านกลัวว่าอาจจะได้รับอันตรายจากชายคนดังกล่าว จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจสอบ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งกลับไม่พบตัว คาดว่าชายคนดังกล่าวคงจะแอบกระโดดขึ้นรถโม่ปูนหลบหนีไปก่อน
ด้านนายสุขสัน คนขับรถโม่ปูน เผยว่า ก่อนหน้านั้นตนขับรถโม่ปูนกลับจากไปส่งปูนซีเมนต์ให้กับลูกค้าในเขตพื้นที่ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด และกำลังจะเดินทางกลับโรงโม่ปูน โดยใช้เส้นทางข้ามแม่น้ำชี บริเวณเขื่อนยโสธร และวิ่งผ่านบริเวณด้านหลังวัดศรีธรรมมาราม ผ่านคุ้มบ้านท่าศรีธรรม ก่อนจะไปจอดอยู่ที่จุดเกิดเหตุเพื่อลงไปซื้อของ ขณะที่ตนกลับมาที่รถและกำลังจะขับรถออกไปก็ได้ยินเสียงคนร้องออกมาจากโม่ปูนด้านหลังรถ จึงปีนขึ้นไปส่องดูและพบว่ามีคนอยู่ด้านใน แต่พูดจาไม่รู้เรื่อง ตนตกใจกลัวจึงได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวชายคนดังกล่าวเอาไว้ พร้อมประสานส่วนที่เกี่ยวข้องรับตัวไปดำเนินการต่อไป
