‘มนพร’ แจง ตั้งข้อสังเกต CPTPP แค่ความเห็น ยันไม่ได้พาดพิงใคร
เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นางมนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีมีข่าวตนได้แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับข้อตกลง CPTPP หรือข้อตกลงเศรษฐกิจฉบับใหม่ ที่รัฐบาลจะมีการพิจารณาเข้าร่วมข้อตกลง ระหว่างประเทศสมาชิกทั้งหมด 11 ประเทศ ตนในฐานะผู้แทนประชาชน ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง จึงต้อง ออกมาแสดงความคิดเห็น เป็นการตั้งข้อสังเกต เป็นความเห็นต่าง มองต่างมุมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นภายหลัง เพราะหัวใจสำคัญของ ข้อตกลง CPTPP สิ่งที่ตนกังวลมากที่สุดคือการเอื้อประโยชน์ต่อนายทุน ในภาคเศรษฐกิจการค้า รวมถึงภาคการเกษตร ที่ประชาชนจะถูกจำกัดสิทธิ์ในเรื่องอาชีพ ปล่อยให้นายทุนเข้ามาดูแล ตนจึงตั้งข้อสังเกต เห็นต่าง ไม่ต้องการให้เอื้อประโยชน์ต่อนายทุน แต่อยากให้ประชาชนได้ประโยชน์ โดยไม่ได้ปักปำใคร หากการคิดต่าง ตั้งข้อสังเกต ไปพาดพิงถึงใคร หากไม่ใช่ความจริงตนขอโทษ ด้วยสปิริตของนักการเมือง แต่เจตนาตนอยากให้ รัฐบาล รวมถึงกลุ่มทุน ออกมาชี้แจงทำความเข้าใจประชาชน ถึงผลได้ผลเสีย ไม่อยากให้เอาการเมืองมาเกี่ยวข้อง อย่ามองเป็นเรื่องการเมือง ตนยอมรับเป็น ส.ส.ฝ่ายค้าน แต่สำคัญที่สุด ตนมองถึงผลกระทบที่เกิดกับประชาชนในอนาคต ไม่ได้มองว่าจะมาดิสเครดิต หรือใส่ร้ายใคร เพราะข้อตกลง CPTPP มีการคัดค้านมาตลอด จากหลายภาคส่วน อยากให้รัฐบาลพิจารณาทบทวน รวมถึงเรื่องนี้ประชาชนต้องทำความเข้าใจ สำคัญที่สุดปัญหาปากท้องที่ประชาชนจะได้รับผลกระทบ ไม่ใช่การมาเอาผิดคนที่คิดต่าง คนที่ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่สุดท้ายความลำบากตกที่ประชาชน เพราะข้อตกลง CPTPP มันคือระบิดเวลา อนาคตจะทำลายประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการจำกัดสิทธิ์ ด้านการเกษตร แม้แต่เมล็ดพันธุ์พืช อนาคตประชาชนจะไม่สามารถขยายพันธุ์ได้เอง ต้องซื้อจากกกกลุ่มทุน ไม่รวมปัญหาด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ที่จะกระทบตามมา ตนในฐานะประชาชนคนไทย ขอให้ คนไทยตื่นตัว หันมาศึกษาเรื่องนี้ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในอนาคต
นายวัชรินทร์ เจียวิริยบุญญา รองประธานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนเห็นข่าวการกล่าวหา ส.ส.หญิง ผู้แทนชาวนครพนม ว่าไปกล่าวหานายทุน แล้วออกมาขอโทษ เนื่องจากบริษัทนายทุนยักษ์ใหญ่ออกแถลงการณ์ไม่เกี่ยวข้อง และจะเอาผิดกล่าวหาว่า สร้างข่าวเท็จ ตนรู้สึกหดหู่ใจ เพราะการแสดงความเห็นต่าง การตั้งข้อสังเกต ข้อตกลง CPTPP เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เป็นสิ่งที่ชาวนครพนม ต้องภูมิใจ ในเมื่อเลือกผู้แทนเข้าไปเป็นปากเป็นเสียง แสดงความคิดเห็นในโครงการที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน กับถูกเอามาสร้างกระแส เป็นการดิสเครดิตทางการเมือง จนมีการออกมาขอโทษ ตนถือว่าไร้สาระ การขอโทษไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สำคัญที่สุด รัฐบาล รวมถึงกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ จะต้องออกมาชี้แจง ทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ถึงผลดี ผลเสีย ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ ไม่ใช่มาถือโอกาส ดิสเครดิสทางการเมืองของฝ่ายค้าน ไม่ใช่หาทางเอาผิด หรือให้คนที่เป็นผู้แทนออกมาขอโทษ เป็นเรื่องน่าหดหู่ การเห็นต่างตั้งข้อสังเกตเพื่อประโยชน์ของประชาชน มันคือหน้าที่ของผู้แทน ไม่ใช่การสร้างข่าวเท็จ เพราะสิ่งสำคัญ ประชาชน ต้องเข้าใจ คำว่า CPTPP คืออะไร และต้องจับตากันอีกต่อไป และใครเกี่ยวข้องไม่เกี่ยวข้อง เพราะการเป็นผู้แทน ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ทุกคนต้องเอา ประชาชน เป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เอาแต่พรรค กับพวก ตนในฐานะภาคเอกชนจะขอจับตาต่อไป ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น จะไม่มีนายทุน ระดับเจ้าสัวมาเกี่ยวข้อง