กรณีเจ้าหน้าที่หน้าที่หลายหน่วยสนธิกำลังควบคุมตัวแรงงานต่างด้าวชาวพม่า 50 คน ลักลอบเดินเท้าหลบหนีเข้าเมืองบริเวณ ช่องทางธรรมชาติทางทิศเหนือของช่องวังเป้า หมู่ 12 บ้านน้ำโจน ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เกิดเหตุใกล้แนวสันเขา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2564 จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำไปกักตัว 14 วัน ที่สถานกักกันที่กองร้อย ตชด.146 ด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองฯ
วันที่ 14 พฤษภาคม นายวิโรจน์ ชูแก้ว ปลัดอาวุโส ที่ทำการปกครอง อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ได้ประสานผู้นำท้องที่ที่เข้าควบคุมตัวแรงงานต่างด้าว เพื่อสอบถามว่ามีผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง หรือมีหน่วยงานใดเป็นผู้เก็บโทรศัพท์มือถือของผู้หลบเข้าเมือง ล่าสุดผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และหมู่ 12 ต.อ่าวน้อย ยืนยันว่าไม่ได้เก็บมือถือของแรงงานต่างด้าวและไม่ทราบว่ามีหน่วยงานใดยึดไว้ ตามที่เจ้าหน้าที่บางหน่วยออกตามหาและสอบถามข้อมูล ส่วนแนวทางการดูแลผู้กักกันได้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอ ตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด 19 ตรวจวัดอุณหภูมิในระยะกักตัว 14 วัน ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอนสวน สภ.อ่าวน้อย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.หลบหนีเข้าเมือง
“สำหรับการจัดเลี้ยงอาหารผู้กักกันครบทั้ง 3 มื้อ ได้ขอรับบริจาคข้าวสารจากเหล่ากาชาดจังหวัด และน้ำดื่มจากภาคเอกชน เนื่องจากหน่วยงานราชการยังไม่มีงบประมาณในการสนับสนุนค่าอาหาร รวมทั้งการจัดหาล่ามเพื่อทำการสื่อสาร ขณะที่การบริหารจัดการตามแนวทางที่ชัดเจน ซึ่งจะต้องใช้งบค่าอาหารต่อวันหัวละ 150 บาท จะมีการประชุมของหน่วยงานระดับจังหวัดเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้งในสัปดาห์หน้า แต่ขณะนี้หลายฝ่ายวิตกว่าอาจจะมีแรงงานพม่าทะลักเข้ามาอีกต่อเนื่อง ทำให้มีปัญหาการใช้จ่ายงบประมาณในระหว่างการกักตัว “นายวิโรจน์ กล่าว
มีรายงานว่า สำหรับแรงงานพม่าทั้งหมดได้รับการดูแลอย่างดีในอาคารกักกัน โดยมีรั้วลวดหนาม 3 ชั้น กั้นรอบบริเวณ มีเจ้าหน้าที่ ตชด. ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ห้ามผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปภายในเด็ดขาด ขณะเดียวกันมีบางหน่วยงานได้ติดตามสอบถามเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ที่เดินทางไปควบคุมตัวแรงงานชาวพม่าที่ช่องวังเป้า เพื่อขอทราบว่าหน่วยงานใดเก็บโทรศัพท์มือถือของผู้หลบหนีเข้าเมืองทั้งหมด เนื่องจากชาวพม่าบางรายจะเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในซองและธนบัตรไทยเหน็บไว้ ขณะที่การจับกุมแรงงานเถื่อน 50 คน ยังไม่มีข้อมูลการซัดทอดถึงนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง แต่ทราบว่ามีบางหน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งหนึ่งได้นำโทรศัพท์มือถือของแรงงานพม่าไปปลดรหัส เพื่อตรวจสอบข้อมูลหาความเชื่อมโยงของกระบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติเพื่อรายงานตรงถึงหน่วยงานส่วนกลาง
