เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 หรือ ศรชล.ภาค 3 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ค.64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้านว่า พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายวัตถุระเบิด บริเวณเกาะแอล จ.ภูเก็ต จึงประสานได้กับทัพเรือภาค 3 (ทรภ.3) ขอสนับสนุนเจ้าหน้าที่อีโอดี, ชุดปฏิบัติการพิเศษ (ชปพ.), หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะภูเก็ต (นรภ.ทร.), และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว ร่วมกับ หมวดเรือเฉพาะกิจ ศรชล.ภาค 3 และชาวประมงผู้พบเพื่อยืนยันจุด
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่อีโอดีทำการตรวจสอบ พบว่า วัตถุดังกล่าวมีลักษณะเบื้องต้นเป็นโลหะทรงกลม (คล้ายลูกนิมิต) เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 70 ซม. ยืนยันว่าไม่ใช่วัตถุระเบิด และไม่มีสารพิษ จึงได้ดำเนินการตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้งกับทางเจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธทหารเรือ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับกลับมา น่าจะเป็นชิ้นส่วนของกระสวย หรือจรวดอวกาศ
ต่อมา ศรชล.ภาค 3 จึงได้ประสานงานกับ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GITSDA ตรวจสอบภาพถ่ายอีกครั้ง ผลที่ได้รับตรงกันคือ ทั้งสองหน่วยงานยืนยันว่า วัตถุดังกล่าวเป็นชิ้นส่วนของถังเชื้อเพลิงของจรวด หรือกระสวยที่ใช้ส่งไปยังอวกาศ แล้วจะถูกสลัดทิ้งออกเป็นช่วงในการส่งขึ้น ซึ่งรายละเอียดทางผู้เชี่ยวชาญของ GISTDA จะตรวจสอบต่อไป
หลังจากนั้นในวันที่ 12 พ.ค.64 ศรชล.ภาค 3 ได้ทำหนังสือขอให้ GISTDA ส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมวางแผนการเก็บกู้ ร่วมกับ ศรชล.ภาค 3 และ ทรภ.3 ในช่วงระหว่าง 16-18 พ.ค.64 ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จในวันนี้ (17 พ.ค.64)
จากการตรวจสอบโดยละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญของ GISTDA และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในเรื่องของสารไฮดราซีนที่เป็นเชื้อเพลิงที่บรรจุในถังน่าจะถูกใช้งานจนหมดเรียบร้อย ประกอบกับการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบจุดที่พบ สภาพแวดล้อมทางทะเลปกติมีสัตว์น้ำ ปะการัง หอยเม่น ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งที่ทำให้มั่นใจได้ว่า วัตถุดังกล่าวไม่ได้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ในการเก็บกู้นั้น เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความระมัดระวังและป้องกันอย่างเต็มที่ ทั้งทีมเก็บกู้และยุทโธปกรณ์ที่ใช้มีความปลอดภัย ยืนยันได้ว่าการดำเนินการทั้งหมด ศรชล.ภาค 3 ตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยประชาชน เจ้าหน้าที่ และผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลในพื้นที่เป็นอันดับแรก
สำหรับการดำเนินการต่อไป หลังจากตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญโดยละเอียด ศรชล.ภาค 3 จะทำการส่งมอบวัตถุดังกล่าวให้กับ GISTDA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัย นำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีทางอวกาศของประเทศไทยในอนาคต หลังจากนั้นจะนำไปแสดงในพิพิธภัณฑ์อวกาศของ GISTDA เพื่อให้ประชาชนได้ชมต่อไป