วันที่ 4 กันยายน บรรยากาศที่สถานีรถไฟตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาสพบว่าในช่วงเช้าของวันที่ 4.ก.ย.หลังโจรใต้ลอบวางระเบิดรางรถไฟในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานีเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น พบว่าบรรยากาศโดยทั่วไปที่สถานีรถไฟตันหยงมัส อ.ระแงะ เงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด โดยมีประชาชนบางส่วนที่ไม่ทราบข่าวการหยุดวิ่งของรถไฟทุกขบวนทั้งขาขึ้นและขาล่องรวม 14 ขบวนหยุดวิ่งทั้งหมด ส่งผลให้นักเรียนจากโรงเรียนดารุสสลาม ในพื้นที่ อ.ระแงะ โรงเรียนสัมพันธ์วิทยา อ.เจาะไอร้อง โรงเรียนแสงธรรม อ.สุไหงโก-ลก และโรงเรียนอัตตัรกียะห์อิสลามมียะห์ อ.เมือง จ.นราธิวาส จำนวนหลายพันคน ต้องเช่าเหมารถกระบะเพื่อนำไปส่งนักเรียนถึงที่เพื่อไม่ให้ขาดการเรียน ซึ่งโดยปกติแล้วนักเรียนทั้งหมดจะใช้บริการรถไฟเป็นประจำทุกวันอย่างไม่ทันตั้งตัว
ส่วนรถโดยสารประจำทางระหว่าง อ.ระแงะ-อ.เมืองนราธิวาส จำนวนกว่า 30 คัน ต้องจอดสนิทที่บริเวณคิวรถซึ่งตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหลังสถานีรถไฟตันหยงมัส เนื่องจากไม่มีผู้โดยสารที่จะเดินทางด้วยรถไฟต้องขาดรายได้อย่าง 20 วัน ก่อนที่รางรถไฟที่ถูกคนร้ายวางระเบิดที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี จะถูกซ่อมจนแล้วเสร็จและเปิดให้บริการอีกครั้ง และขาดรายได้อย่างน้อยวันละ 1,000 บาท ต่อคัน
ด้านห้างร้านต่างๆ ที่อยู่ในเขตเทศบาลตำบลตันหยงมัส อ.ระแงะ กระทบอย่างหนักเนื่องจากไม่มีลูกค้ามาใช้บริการเช่นทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงเช้าบรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่ต้องใช้รถไฟไปซื้อของยัง อ.สุไหงโก-ลกกว่า 100 เจ้า ขาดหายไปหมดจนกว่ารถไฟจะทำการวิ่งตามปกติ ส่งผลให้ขาดรายได้ไปอีกหลายวัน
นายมานพ เหมือนปรีชา นายสถานีรถไฟตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้สถานีรถไฟต่างๆ ในพื้นที่ จ.นราธิวาส เช่น สถานีรถไฟรือเสาะ ลาโล๊ะ มะรือโบ กะแดะ ตันหยงมัสป่าไผ่ จะไอร้อง โต๊ะเด็ง สุไหงปาดี สุไหงโก-ลก จำนวน 10 สถานีได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนทำให้เด็กนักเรียน และผู้โดยสารอื่นๆ ในวงกว้างที่ใช้รถไฟในการเดินทางหลังจากที่สถานีต้นทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก หยุดวิ่งและต้องรอเจ้าหน้าที่และหน่วยเหนือทำการซ่อมแซมตรวจสอบเส้นทางรวมถึงการวางมาตรการความมั่นใจในการเดินทาง ซึ่งเหตุการณ์วางระเบิดขบวนรถไฟในครั้งนี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงและมีการสูญเสียมาก
ส่วนพ่อค้า ประชาชนที่มาติดต่อค้าขายในพื้นที่ก็ต้องมากับพาหนะอย่างอื่นแทน ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้น่าจะกระทบเป็นวงกว้าง ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเส้นทางพาหนะในการเดินทางในพื้นที่ และที่สำคัญในห้วงวันที่ 12 กันยายนที่จะถึงนี้ บรรดาพี่น้องชาวมุสลิมในพื้นที่จะเป็นวันสำคัญ คือ เทศกาลวันฮารีรายาอีดิลอัฆฮา ซึ่งพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ต่างจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติในต่างพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้รถไฟในการเดินทางทั้งสิ้น ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมากโดยเฉพาะสถานีรถไฟตันหยงมัสแห่งเดียวต้องขาดรายได้อย่างน้อยวันละ 30,000 บาท